เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

อยากได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการทำงาน ลองใช้วิธีคิดแบบ Steve Jobs

ข่าววันที่ : 15 ม.ค. 2567


Share

tmp_20241501145548_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 15 ม.ค. 2567

              Steve Jobs นั้นเป็นบุคคลที่ถูกยกย่องในหลายๆ เหตุผลเข้าด้วยกัน และหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้นคือ Steve Jobs เป็นผู้ที่มีความคิดแบบ Original Idea เสมอมาไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ของตัวเอง การพัฒนาสินค้าและการออกแบบสินค้าที่มีความเรียบง่ายออกมา สินค้าในช่วงที่ Steve Jobs อยู่นั้นจะเห็นได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการเทคโนโลยีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น iMac, Macbook, Macbook Air, iPod, iPad และ iPhone ซึ่ง Steve Jobs  นั้นทำอย่างไรเวลาที่ต้องการที่จะได้ไอเดียต่างๆ ออกมา หรือหาไอเดียใหม่ๆ ที่จะต้องลงมือทำ แก้ไขปัญหาต่างๆ เคล็ดลับของ Steve Jobs ที่ใช้ในการแก้ปัญหานี้คือสูตรความคิดที่เรียกว่า Reframing the problem

              Reframing the problem คือ วิธีที่จะมองปัญหาในมุมมองที่ต่างออกไป หรือวิธีการตีโจทย์ปัญหาที่ต้องการไอเดียให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะในกระบวนการที่เราต้องการไอเดียในการแก้ปัญหานั้น หลายๆ ครั้งเรามักจะคิดวิธีในการปก้ปัญหาที่คิดได้รวดเร็วที่สุดออกมา โดยเอาประสบการณ์ของตัวเองเป็นที่ต้อง โดยไม่ได้มองว่าการแก้ไขปัญหาหรือโจทย์ที่ได้รับมานั้นเข้าใจถูกต้องหรือไม่ ด้วยการที่ Reframing the problem จะทำให้มีมุมมองใหม่ๆ ต่อปัญหานั้นหรือเข้าใจรากของปัญหาต่างๆ ขึ้นมาทันทีแล้วทำให้ค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากการที่มองโจทย์ปัญหานั้นด้วยมุมมองต่างๆ ออกไป และทำให้ความคิดสร้างสรรค์นั้นสามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การรออะไรบางอย่างที่นาน จริง ๆ ปัญหาไม่ได้เป็นที่การรอ แต่เป็นที่การไม่มีอะไรทำระหว่างรอ ไม่ว่าจะเป็นการรอลิฟท์ หรือแม้กระทั่งรอกระเป๋าเดินทาง การแก้ไขปัญหาที่แทนที่จะเร่งเวลาให้เร็วขึ้น มองปัญหาใหม่ว่าคือการรอที่น่าเบื่อหรือหาให้ทำอะไรระหว่างรอ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ เช่น การรอลิฟท์ก็มีกระจกให้มอง มีเครื่องทำความสะอาดมือ การรอกระเป๋าเดินทาง ก็ทำให้ระยะการเดินไกลขึ้นโดยให้ผ่านส่วน Shopping เพื่อที่ให้มาถึงสายผ่านกระเป๋าทันที หรือการรอรถ

              ตัวอย่างการ Reframing the problem ที่เกิดขึ้นในปัญหาที่ทุกคนต้องเจอในการทำธุรกิจและการตลาดคือ “เรากำลังสูญเสียลูกค้าคนรุ่นใหม่ออกไป” ถ้าเป็นกระบวนการแก้ปัญหาปกติตามสัญชาตญาณของนักการตลาดคือ “ก็ทำการตลาดในหมู่วัยรุ่นเพิ่ม โดยใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดที่วัยรุ่นชอบขึ้นมา” แต่วิธีการ Reframing the problem จะมองปัญหานั้นออกไปโดยแบ่งขั้นตอนออกเป็น

              1. ลองถอยออกมาดูจากมุมมองภายนอกก่อน : จะพบว่าปัญหา “เรากำลังสูญเสียลูกค้าคนรุ่นใหม่ออกไป” นั้นแท้จริงแล้วคือ สินค้าและบริการถูกบริการรุ่นใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาเป็นคู่แข่งแย่งลูกค้าไป

              2. ลองเปลี่ยนมุมมองเป้าหมาย : จากเป้าหมายการแก้ปัญหา “ทำการตลาดในหมู่วัยรุ่นเพิ่ม โดยใช้เครื่องมือและช่องทางการตลาดที่วัยรุ่นชอบขึ้นมา” มาเป็นสร้างธุรกิจที่จะเติบโตในหมู่กลุ่มคนรุ่นใหม่และปฏิสัมพันธ์กับคนรุ่นใหม่ออกมา

              3. มองดูในแง่บวก : จากที่จะต้องใช้เครื่องมือเดิมๆ ในการทำการตลาด อาจจะเปลี่ยนมาเป็น ใช้ความน่าเชื่อถือที่ตัวเองมีมีความน่าเชื่อถือจากคนที่รับรองได้จากการใช้แบรนด์สินค้าและบริการมานาน และมี KOL/Influencer หรือเว็บไซต์ที่เป็นพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือ

              4. ลองส่องกระจกตัวเองดู : เป็นการมองว่าตัวเองมีมุมมองอะไรที่แคบเกินไปที่ตัวเองอยากจะได้เท่านั้นไหม ในที่นี้คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น

              5. ลองเอามุมมองลูกค้ามาใส่ดู : เป็นการมองว่าแท้จริงแล้ว ลูกค้าอยากได้อะไรกันแน่ออกมา ซึ่งในที่นี้คือ อยากได้สินค้าและบริการที่จะมาช่วยแก้ปัญหาที่ตัวเองเจอในสัมยนี้ ยุคนี้ที่วัยรุ่นเผชิญอยู่

              6. ขั้นตอนต่อไป : เป็นการบ่งชี้ว่าต้องทำอะไรต่อไป เพื่อให้แก้ปัญหาที่ถูกต้องโดยได้ไอเดียที่ถูกต้องออกมา ซึ่งในที่นี้ก็คือ สร้างสินค้าและบริการที่ช่วยแก้ปัญหาวัยรุ่นที่คอยเป็นที่ปรึกษามากกว่ามาสร้างผลกำไรให้บริษัท

              นอกจากวิธีที่จาก Canvas ข้างต้นยังสามารถเพิ่มเข้าไปได้คือ การเอาคนนอกเข้ามาคิด หรือแม้กระทั้งการคิดตรงกันข้ามออกมา ทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้เรามีไอเดียใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดาย


ที่มา  :  marketingoops  15 มกราคม 2567
https://www.marketingoops.com/exclusive/insider-exclusive/new-ideas-for-work-by-steve-jobs/