พาณิชย์เตรียมประมูลข้าวเน่า-ข้าวเสื่อม ภายในเดือนนี้ 1 ครั้ง คาดทดลองตลาดก่อนเปิดรอบต่อไป ย้ำข้าวนาปีราคาไม่ตกเหตุรัฐมีมาตรการรองรับ ด้าน ธ.ก.ส.จัดงบ 2.67 หมื่นล้านบาท ตั้งโต๊ะปล่อยสินเชื่อชะลอการขาย หวังช่วยชาวนาได้ 3-4 แสนราย
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ทั้งข้าวเสียและข้าวเสื่อมที่ปะปนกับข้าวดีและไม่สามารถแยกกองออกได้ ในเดือน พ.ย.นี้ อย่างน้อย 1 ครั้ง ปริมาณประมาณ 1 พันตัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหาแนวทางควบคุมดูแลไม่ให้ข้าวที่ประมูลออกไปแล้วเข้ามาเวียนขายเพื่อการบริโภค เพราะอาจทำให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำได้
”ในเดือน พ.ย.นี้ น่าจะทำได้สัก 1 ครั้ง เป็นการทดลองตลาด และทดลองระบบการติดตามดูแลข้าว เพราะในข้าวเสื่อมยังมีข้าวดีปะปนอยู่บางส่วน แต่ไม่สามารถแยกกองออกมาขายได้ จึงต้องขายยกคลัง ซึ่งข้าวดีดังกล่าวถ้าไม่ควบคุมให้ดีมีโอกาสที่จะเข้ามาเวียนขายสู่ผู้บริโภคได้” นางดวงพรกล่าว
รายงานว่าข้าวที่เก็บในโกดังกว่า 1,300 แห่ง มีข้าวเสียประมาณ 1.29 ล้านตัน และข้าวเกรดซีประมาณ 4.6 ล้านตัน
นางดวงพรเชื่อว่า ราคาผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ปี 2558/59 ไม่น่าจะตกต่ำ เพราะนอกจากรัฐบาลมีมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงราคาแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังได้วางแผนระบายข้าวใหม่แล้วเช่นกัน โดยสัปดาห์นี้ผู้ซื้อจากสิงคโปร์และฮ่องกงจะเดินทางมาเจรจาซื้อขายข้าวหอมมะลิไทย และในเดือน พ.ย.นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนอิหร่าน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะถือโอกาสเจรจาซื้อขายข้าวด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีคำสั่งซื้อข้าวขาว 5% และ 15% จากอินโดนีเซียอีก 1 ล้านตัน เป็นสัญญาเดิมที่อยู่ระหว่างส่งมอบ 500,000 ตัน และสัญญาใหม่ 500,000 ตัน, คำสั่งซื้อจากจีน ซึ่งเป็นสัญญาเดิม 1 ล้านตัน และเหลือการส่งมอบอีก 300,000 ตัน รวมถึงสัญญาใหม่อีก 1 ล้านตัน, ฟิลิปปินส์ จะเปิดประมูลนำเข้าข้าวล็อตใหม่เร็วๆ นี้ จากก่อนหน้านี้ ไทยชนะประมูล 300,000 ตัน และคำสั่งซื้อข้าวนึ่งจากแอฟริกาใต้อีกหลายแสนตัน
ด้านนายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2558-28 ก.พ.2559 ธ.ก.ส.ได้เปิดโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปี ปีการผลิต 2558/59 มีเป้าหมายชะลอการขายข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเหนียวรวม 2 ล้านตัน ตั้งวงเงินไว้ 2.67 หมื่นล้านบาท
โดยจะเปิดให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกหอมมะลิกับข้าวเปลือกเหนียว เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยเกษตรกรจะต้องมียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าว ซึ่งจะดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับการจ่ายเงินสินเชื่อชะลอการขายให้ชาวนา จะให้ใกล้เคียงกับราคาข้าวเปลือกในตลาด ซึ่งข้าวเปลือกหอมมะลิที่มีความชื้นไม่เกิน 15% จะได้รับเงินสินเชื่อเพื่อชะลอการขายตันละ 1.35 หมื่นบาท และกรณีที่เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางนานเกินกว่า 1 เดือน จะได้ค่าเก็บรักษาข้าวอีกตันละ 1 พันบาท รวมเป็น 1.45 หมื่นบาทต่อตัน คิดเป็นวงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 3 แสนบาท คาดว่าเกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งประมาณ 5 ตันต่อราย สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ 3-4 แสนราย ส่วนสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวอยู่ที่ 1.13 หมื่นบาทต่อตัน และเมล็ดสั้น (คละ) 1.03 หมื่นบาทต่อตัน ค่าเก็บรักษาข้าวอีกตันละ 1 พันบาท.
ที่มา: www.thaipost.net วันที่ 9/11/58 หน้าที่ 7
รูปภาพจาก : news.truelife.com
