เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
พาณิชย์ออกเดินสายขายข้าว ยกทีมเจรจาแบบรัฐต่อรัฐเร่งปล่อยของในสต๊อก

          นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างเตรียมแผนการขายข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งแบบการประมูลทั่วไป และการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพื่อลดปริมาณข้าวในสต๊อกของรัฐบาลที่มีอยู่กว่า 10 ล้านตัน โดยในเดือนกรกฎาคมนี้ จะนำคณะไปเยือนประเทศแอฟริกาใต้ และโมซัมบิก เพื่อเปิดเจรจาขายข้าวแบบจีทูจี กับโมซัมบิก ปริมาณ 3 แสนตัน โดยจะมีทั้งข้าวขาว 5% และข้าวขาว 15% ซึ่งแต่ละปีประเทศโมซัมบิกมีความต้องการนำเข้าข้าว เพื่อการบริโภคปริมาณ 3-4 แสนตัน และการเดินทางขายข้าวครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ขณะเดียวกันโมซัมมิกมีความต้องการให้รัฐบาลไทยให้สินเชื่อในการซื้อขายเนื่องจากประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

          “นอกจากโมซัมมิก กรมมีแผนจะขายข้าวแบบจีทูจี ให้กับหลายๆ ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ยังมีความต้องการซื้อข้าว เพื่อสำรองความมั่นคงทางด้านอาหาร รวมถึงจีนที่อยู่ระหว่างการส่งมอบข้าวในส่วนที่เหลือ ส่วนราคาซื้อขายจะขายตามราคาในตลาด ณ ขณะนั้น”

          ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีขายข้าวจีทูจี มูลค่าความเสียหายกว่า 20,000 ล้านบาท ตอนนี้กรมได้ส่งข้อมูลรายละเอียดให้สำนักงานกฤษฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองตีความและทางสำนักกฤษฎีกาได้ประชุมองค์คณะและนำเสนอผลการประชุมส่งให้เลขาฯกฤษฎีกาแล้ว หากกฤษฎีกา ชี้ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ออกหนังสือเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น กระทรวงก็จะทำหนังสือแจ้งผู้ที่ถูกกล่าวหาให้มาชดใช้ค่าเสียหายตามที่กรมบัญชีกลางระบุ

          สำหรับการประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไปรอบที่ 4/2559 ปริมาณ 2,239,564 ตันนั้น กรมมั่นใจว่ายังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการค้าข้าว ผู้ส่งออก และโรงสีเป็นอย่างดี และเชื่อว่าข้าวที่นำออกมาระบายครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ประกอบกับตลาดโลกยังมีความต้องการข้าวอีกจำนวนมาก จึงทำให้ราคาข้าวในตลาดมีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกัน หากการระบายข้าวครั้งนี้ เอกชนเสนอราคาประมูลต่ำกว่าราคาตลาด กรมก็จะไม่ขายข้าวออก เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาขายไปกระทบกับตลาด นอกจากนี้มองว่าการเร่งระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลออกจะส่งผลดีช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลด้วย

          ส่วนสถานการณ์ปริมาณข้าวรวมในปี 2559 นี้ คาดว่าจะมีผลผลิตลดลง โดยเร็วๆ นี้จะมีการประชุมกับเวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวร่วมกัน โดยในส่วนของประเทศไทยคาดการณ์ปริมาณข้าวปีนี้ลดลง 15% แต่จะส่งผลดีคือดึงราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้น

          นายวินัย เงินเกี้อกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทโรงสีสุชินการเกษตร จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้ายื่นเอกสารเพื่อตรวจคุณสมบัติในครั้งนี้ กล่าวว่าการประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐบาลครั้งนี้มีผู้สนใจจำนวนมากเนื่องจากเป็นการนำข้าวออกมาประมูลปริมาณมากกว่าทุกครั้งที่รัฐนำออกมาประมูล แต่เนื่องจากว่าข้าวที่นำออกมาประมูลมีทั้งที่เป็นข้าวดี และมีข้าวเกรด C รวมอยู่ด้วยทำให้มองว่าราคาข้าวที่ได้ อาจจะไม่สูงนักหรืออาจจะต่ำกว่าครั้งก่อนหน้าที่ไม่มีข้าวเกรด C รวมอยู่แล้ว

          ส่วนสถานการณ์ข้าวในปัจจุบัน พบว่าข้าวในตลาดมีปริมาณน้อย ขณะที่ความต้องการยังมีอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวในปัจจุบันลดลงเล็กน้อยโดยข้าวขาว 5% ลดลงจากกิโลกรัมละ14 บาท เหลือ 13.70 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประมูลข้าวของรัฐ แต่หากดูปริมาณความต้องการข้าวเก่าในตลาดต่างประเทศแล้วพบว่า ยังมีความต้องการอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศแถบแอฟริกา

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ายื่นเอกสาร ตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อการยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐ ครั้งที่ 4/2559 ปริมาณกว่า 2.23 ล้านตัน จาก 172 คลัง ซึ่งเดิมเปิดให้ประมูล2.24 จาก 173 คลัง 35 จังหวัด แต่เนื่องจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งคลังสินค้ากิจอุดม ทำให้การสัญจรเข้าพื้นที่คลังดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ ทำให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวระงับการจำหน่ายข้าวในคลังสินค้ากิจอุดม หลังที่ 3 จ.พิจิตร ในการประมูลครั้งนี้

          อย่างไรก็ตาม การเปิดประมูลครั้งนี้ มีเอกชนสนใจเข้ายื่นซองตรวจคุณสมบัติรวมทั้งสิ้น69 ราย จากนั้นจะเปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้ายื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวอีกครั้งในวันที่15 มิถุนายน 2559 กำหนดหลักเกณฑ์การประมูลแบบยกคลัง ซึ่งในแต่ละคลังจะมีส่วนผสมระหว่างข้าวเกรด P A B และ C แต่ละสัดส่วนไม่เกิน 20% ในแต่ละคลัง

 

ที่มา: http://www.naewna.com วันที่ 15 มิถุนายน 2559 หน้า 9



เอกสารที่เกี่ยวข้อง