คงไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอีกต่อไปที่จะทำความเข้าใจว่า ณ เวลานี้ ยุคสมัยของดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาไปในเทรนด์ของเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราแล้ว
ยิ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ทุกวันนี้ ผู้บริโภคหรือผู้รับสื่อจากช่องทางต่างๆ จะได้เห็นการโฆษณาแนะนำช่องทางการซื้อสินค้าออนไลน์ ทั้งจากเจ้าของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า แบรนด์ระดับยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีก ไปจนถึงผู้ให้บริการการค้าออนไลน์ชั้นนำทั้งในประเทศไทยและมืออาชีพระดับโลก
จุดเปลี่ยนสำคัญ 2 ประการ ซึ่งสนับสนุนให้ "ออนไลน์" ก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่าง โดดเด่นสำหรับการทำธุรกิจและการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นคือ
1.จำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องมาจากเทคโนโลยีการสื่อสารยุค 4G ที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผนวกกับความสะดวกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลาในโลกการสื่อสารไร้พรมแดน
2.พฤติกรรมผู้บริโภคเปิดกว้าง ยอมรับการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ ให้ความเชื่อถือ ไว้วางใจ และพร้อมที่จะทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ในหลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร หรือการตัดยอดชำระผ่านบัตรเครดิต ฯลฯ
จากจุดเปลี่ยนสำคัญทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ทำให้การนำ "ออนไลน์" มาเป็นเครื่องมือสนับสนุนกลยุทธ์การตลาดและการขาย การสร้างความรับรู้ต่อสินค้า ช่วยให้ ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ หรือแม้กระทั่งการสื่อสารไปยังผู้บริโภค และกลายเป็นสิ่งที่ ผู้ประกอบการ นักการตลาดจะขาดหรือมองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ทำการค้าแบบดั้งเดิม ใช้ระบบการกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือธุรกิจในระบบเครือข่ายที่พึ่งพาการ "ขายตรง" หรือขายผ่านตัวแทนที่ครอบคลุมพื้นที่การขายได้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม เมื่อถึงที่สุดแล้ว การใช้เครื่องมือในระบบออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์สื่อสารสมัยใหม่ หรือสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) จะมีการลงทุนต่ำกว่าการขยายเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายอื่น เช่น การเปิดหรือการเพิ่มสาขา และยังเป็นช่องทางที่จะติดต่อสื่อสารตรงไปยังลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่มีข้อจำกัดตลอด 24 ชั่วโมงในทุกๆ วันโดยไม่มีวันหยุดเลยตลอดทั้งปี
แม้กระทั่งธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจขายตรง หากมีช่องทางหรือระบบ "ออนไลน์" เป็นเครื่องมือสนับสนุนก็จะช่วยได้มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่จะเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าและผู้บริโภค ช่วยลดภาระในการเดินทาง ในบางกรณีสามารถสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์แล้วรอรับของที่บ้านได้เลย
รูปแบบดังกล่าวกำลังเป็นเทรนด์ที่ตอบสนองผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี!
เมื่อเข้าใจหรือตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการใช้ "ออนไลน์" เป็นเครื่องมือสนับสนุน กลยุทธ์ทางธุรกิจและกิจกรรมการตลาดแล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องวางแผนไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเครื่องมือ "ออนไลน์" นั่นคือ ต้องมั่นใจในความพร้อมทั้งบุคลากร เทคโนโลยี รวมถึงการลงทุนที่จะต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ก้าวให้ทัน เทคโนโลยี มีแอพพลิเคชั่นหลากหลายรูปแบบ ครบทุกช่องทางสำคัญๆ ของสื่อสังคมออนไลน์
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงและมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องเทคโนโลยีนั่นคือ การสร้างกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้รับข้อมูล ทางออนไลน์และสื่อสังคมออนไลน์
นั่นคือต้องมีเนื้อหาที่ทันสมัย ให้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม เรียกความสนใจจากลูกค้าและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อมีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ช่องทางออนไลน์ จะอำนวยความสะดวกเพื่อที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องรอเข้าไปดูสินค้าที่หน้าร้านหรือที่สาขา หรือแม้แต่การจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่ให้ข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ก็จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้รวดเร็ว และสะดวกกว่าเช่นเดียวกัน
ลูกค้าสามารถศึกษาข้อมูลจากระบบออนไลน์ กระทั่งตัดสินใจว่าจะเลือกสินค้า บริการ หรือโปรโมชั่นที่ถูกใจแล้วค่อยไปหาดีลเลอร์ (Dealer) หรือดิสทริบิวเตอร์ (Distributor) หรือทำธุรกรรมสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ได้เลย
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คือบทบาทความสำคัญของการใช้เครื่องมือ"ออนไลน์" เพื่อต่อยอด กลยุทธ์การตลาดให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งนอกจากจะดีต่อเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นเทรนด์หรือแนวโน้มที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล อย่างแท้จริงอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 11 เมษายน 2559
eclipping_20142212173240_1.doc: ขนาด 27 KB