‘กอบศักดิ์’ ไร้กังวลเงินเฟ้อติดลบ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 67 โต 3 - 4 เปอร์เซ็นต์
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0
วันที่ ปรับปรุง 15 ม.ค. 2567
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน(FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนธ.ค.2566 (สำรวจระหว่างวันที่ 20 - 31 ธ.ค.2566) พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI)ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 137.00 เพิ่มขึ้น 38.9% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” สะท้อนถึงนักลงทุนมีความมั่นใจในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น
โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือ เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) หลังจากที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี อาจทำให้การลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
หลังจากภาคการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว การออกมาตรการ การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ประกอบกับพื้นฐานราคากับผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นไทยมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนไทย และต่างชาติให้ความสนใจการลงทุนในหมวดธนาคาร(BANK) หลังจากผลประกอบการที่สามารถทำกำไรเกือบ 2 แสนล้านบาทในปี ล่าสุด 2566
ด้านปัจจัยลบที่มีผลต่อการลงทุนคือ เศรษฐกิจซบเซา และอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ยังมีความกังวลใจว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ยาวนานแค่ไหน และหมวดอุตสาหกรรมที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเลียม และเคมีภัณฑ์(PETRO)
มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 67ยังโตดี
นายกอบศักดิ์ มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังเติบโตต่อไปได้ และไทยจะเติบโตได้ดีกว่าเดิม หากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนการท่องเที่ยว แก้กฎเกณฑ์ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
แม้ว่าเงินเฟ้อไทยในเดือนธ.ค.66 ติดลบ 0.83% ต่ำสุดในรอบ 34 เดือน ซึ่งการที่ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบครั้งนี้ “ไม่ใช่สัญญาณของเศรษฐกิจไทยที่กำลังมีปัญหา” เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าปีที่แล้ว และปัญหาจากประเทศจีน ที่สินค้าราคาถูกเข้ามากดราคาสินค้าไทย ขณะเดียวหากมองตัวเลข “เงินเฟ้อพื้นฐาน” ยังอยู่ในระดับทรงตัวที่ 0.5 - 0.6% ซึ่งอยู่ในระดับที่ดี
คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัว 3 - 4% ซึ่งขึ้นอยู่กับมาตรการภาครัฐว่าจะสามารถดีได้มากแค่ไหน ซึ่งเป็นอีกปีที่ท้ายทาย หลังจากที่เศรษฐกิจไทยโซเซมาเกือบ 2 ปี ทำให้เห็นภาพของการส่งออกที่เริ่มทรงตัว และการบริโภค การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่ภาคการผลิตมีปัญหา และกำลังแย่ ทำให้ดัชนี MPI ของเดือนธ.ค.2566 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่91.3 ซึ่งต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 เนื่องจากกำลังถูกทดแทนจากสินค้าจีน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 11 มกราคม 2567
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1107908
