'พลังงาน' ดิ้นอุ้มราคา 'น้ำมัน-LPG' ตามนโยบายนายกฯ หวัง 'คลัง' ร่วมลดภาษี
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0วันที่ ปรับปรุง 15 ม.ค. 2567
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุภายหลังหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2567 ถึงประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบ รัฐบาลจะถอนมาตรการดูแลค่าพลังงานหรือไม่นั้น ซึ่งนายเศรษฐา ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องลดรายจ่ายของประชาชน ซึ่งต้องดูโครงสร้างระยะยาวว่าจะทำอย่างไรให้มีราคาในระดับที่ทุกคนยอมรับได้
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ยังคงดำเนินงานภายใต้ภาระกิจลดภาระค่าครองชีพประชาชนด้านราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันผ่านสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เข้ามาอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ระดับ 30 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2567 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 เพื่อเป็นการตรึงค่าครองชีพให้ประชาชนต่อเนื่องภายหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซลซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 2566
ในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซิน จากมติครม. เมื่อ 31 ต.ค. 2566 เห็นชอบแนวทางการลดค่าครองชีพประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอลดราคาแก๊สโซฮอล 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน โดยใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร พร้อมใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนเพื่อทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ลดลงรวม 2.50 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2566 – 31 ม.ค. 2567 โดยราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร ส่วน E20 และ85 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในการดูแลราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิด ขณะนี้หน่วยงานหลักคือกองทุนน้ำมันฯ ที่ดูแลน้ำมันดีเซลเต็ม ๆ ราว 3 บาทต่อลิตร เพราะกรมสรรพสามิตยังไม่มีมติเข้ามาช่วยรับภาระตรงนี้ จะเหลือแต่กลุ่มเบนซินแก๊สโซฮอล 91 ที่ระดับ 1 บาทต่อลิตร โดยกองทุนน้ำมันฯ รับภาระที่ 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งมาตรการลดราคาเบนซินจะไม่ใช่การตรึงราคาแต่จะเป็นการลดราคาและจะสิ้นสุดสิ้นเดือนม.ค. 2567 นี้
"ต้องจับตาดูว่าวันที่ 12 ม.ค. 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะมีความคืบหน้าในงานแถลงผลงานกับสื่อมวลชนในเรื่องนี้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาทราบว่ามีการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อขอให้ต่อมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของกองทุนน้ำมันฯ รวมถึงมาตรการลดราคากลุ่มเบนซินที่จะหมดลงในสิ้นเดือนนี้ด้วย"
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานยังคงต้องจับตาทิศทางราคาพลังงานโลก ส่วนตัวยังมองว่าราคาพลังงานในช่วงนี้จะยังคงทรงตัวโดยน้ำมันดีเซลตลาดโลกจะอยู่ที่ระดับ 95-100 ล้านดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยหลักต้องดูปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสว่าจะมีการขยายวงอีกหรือไม่ ดังนั้น ยังมองว่ากระทรวงพลังงาน ยังคงสามารถดูแลราคาน้ำมันได้
นอกจากนี้ ในการรักษาระดับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ไม่ให้เกิน 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม (กก.) จามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2567 นั้น ถือว่ากองทุนน้ำมันไม่ได้รับภาระตรงนี้มากนัก จะเห็นได้จากบัญชีที่ติดลบของ LPG นั้นติดลบกว่า 40,000 ล้านบาท มาเป็นเวลานาน แต่บัญชีดีเซลซึ่งตอนนี้เริ่มติดลบขยับขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับฐานะทางการเงินขิงกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 7 ม.ค. 2567 พบว่า มีอดติดลบรวม 80,101 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันดีเซลติดลบ 33,984 ล้านบาท บัญชี LPG ติดลบ 46,117 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มีการกู้เงินเพื่อมาเสริมสภาพคล่องเข้ามาในบัญชีแล้วรวม 75,000 ล้านบาท
"ต้องรอดูว่ารมว.จะขอให้คลังเข้ามาร่วมรับภาระได้เท่าไหร่ และจะมีการต่อมาตรการลดภาษีน้ำมันเบนซินต่อหรือไม่ เพราะตอนนี้กองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนดีเซลเฉลี่ย 3 บาทต่อลิตร เดือนละประมาณ 4,000 ล้านบาท อีกไม่นานก็จะติดลบทะลุ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้บัญชี LPG แม้จะไม่ขยับมาก แต่ก็จะมีเพดานการติดลบที่ 48,000 ล้านบาท ซึ่งถึงวันนั้นก็ต้องมาดูว่ากองทุนน้ำมันฯ จะใช้วิธีขยายเพดานวงเงินติดลบหรือใช้วิธีไหนเข้ามาช่วย"
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 12 มกราคม 2567
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1108035