เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

เพิ่มเป้ารีดภาษีเงินได้

ข่าววันที่ : 29 ม.ค. 2562


Share

tmp_20192901102207_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 29 ม.ค. 2562

          สรรพากรปรับเป้าหมายรีดภาษีปีงบ 2563 เพิ่มเป็น 2.11 ล้านล้านบาท หลังเพิ่มระบบดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพ
          นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2563 กรมสรรพากรได้รับเป้าหมายการจัดเก็บภาษี 2.11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีงบประมาณ 2562 ที่มีเป้าหมายการเก็บภาษี 2 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าการเก็บภาษีทั้งปีงบประมาณ 2563 และ 2562 จะได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากกรมสรรพากรได้มีการเพิ่มระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยการเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
          สำหรับการเก็บภาษีปีงบประมาณ 2562 ในช่วงไตรมาสแรกตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2561 กรมสรรพากรเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้าหมาย 2.7 หมื่นล้านบาท หรือ 7% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4 หมื่นล้านบาท หรือ 11% โดยการเก็บภาษี สูงกว่าเป้าหมายทุกตัว เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีแวต ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น
          "การเก็บภาษีกรมสรรพากรมีความสำคัญเพราะคิดเป็น 80% ของรายได้ที่เก็บให้ประเทศทั้งหมด การเก็บภาษีที่เกินเป้าไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2562 เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยควาสะดวกการเก็บภาษีมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าการเก็บภาษีทั้งปีงบประมาณ 2562 และ 2563 ที่ต้องการภาษีเพิ่มขึ้นยังได้ตาม เป้าหมาย" นายเอกนิติ กล่าว
          สำหรับการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของรายได้ที่เกิดขึ้นในปี 2561 ต้องยื่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -31 มี.ค. 2562 หากยื่นทางอินเทอร์เน็ตสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 9 เม.ย. 2562 ขณะนี้ยังมีผู้ยื่นเพียง 7 แสนราย มีการขอคืนภาษี 4 แสนราย ได้คืนภาษีไปแล้ว 2 แสนกว่าราย หรือประมาณ 55% เนื่องจากผู้เสียภาษียื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตสามารถคืนภาษีผ่านบัญชีพร้อมเพย์ได้ภายใน 2-3 วันเท่านั้น ในกรณีที่ไม่ต้องขอเอกสารเพิ่มเติม
          ทั้งนี้ กรมสรรพากรคาดว่าจะมีบุคคลธรรมดายื่นแบบเสียภาษี 10-11 ล้านราย มีคนเสียภาษี 4 ล้านราย โดยตั้งเป้าให้มีการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ต 90% จากปีก่อน 85% เพราะนอกจากได้คืนภาษีได้เร็วแล้ว ในปีนี้ระบบของกรมสรรพากรการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ต ยังให้อัพโหลดเอกสารผ่านทางออนไลน์ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลา มายื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
          นายเอกนิติ กล่าวว่า การผลักดันร่างกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ส่วนของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะไม่ทันรัฐบาลนี้ ต้องเสนอให้รัฐบาลใหม่เห็นชอบอีกครั้ง กฎหมายดังกล่าวจะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการธุรกิจบนแพลตฟอร์มในและนอกประเทศ อย่างไรก็ดีถึงกฎหมายออกไม่ทันก็ไม่กระทบกับการเก็บภาษีของกรมในปีงบประมาณ 2562 และ 2563 เพราะยังไม่มีการประเมินการเก็บในส่วนนี้ไว้ในเป้าหมาย


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก  :  เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์  29 มกราคม 2562