เงินบาทแข็งค่าถึงปีหน้า ขึ้นลง 31-33.4 บาท/ดอลลาร์
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0
วันที่ ปรับปรุง 7 ธ.ค. 2561
ชลลดา อิงศรีสว่าง
ตลอดทั้งปี 2561 ค่าเงินบาทผันผวนมากช่วงของค่าเงินอ่อนและแข็งค่ามาก โดยในปีนี้ กรอบค่าเงินบาทอยู่ในช่วง 31-34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าก็อ่อนลงไปแตะถึง 34 บาท/ดอลลาร์ และช่วงแข็งค่าก็ขึ้นไปแตะถึง 31 บาท/ดอลลาร์
ทั้งนี้ ค่าเงินบาททรงตัวไปในทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น โดยเห็นได้จากดัชนีค่าเงินบาทที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่า ในเดือน มิ.ย.ดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง (REER) อยู่ที่ 106.38 แต่ได้ปรับขึ้นมาเป็น 109.08 ในเดือน ต.ค. สะท้อนภาพว่าค่าเงินบาทไม่อ่อนค่าเหมือนเงินสกุลอื่นเมื่อเทียบกับตะกร้าดัชนี เงินบาทอาจจะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่แข็งค่ากว่าเงินหยวนของจีน เงิน รูเปียห์ของอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทอาจจะไม่ได้เป็นส่วนเดียวที่ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่คุณภาพของสินค้า ชนิดของสินค้า และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ามีความสำคัญกับการส่งออกมากกว่า
ส่วนภาคธุรกิจที่จะอ่อนไหวกับอัตราแลกเปลี่ยนมากน่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว ที่หากเงินบาทแข็งค่าอาจจะมีผลต่อการท่องเที่ยวให้ชะลอตัวลงบ้าง เพราะเที่ยวไทยอาจจะแพงกว่าไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า กรอบของค่าเงินบาทในปีหน้าก็จะคล้ายคลึงกับในปีนี้ คือมีช่วงอัตรากว้างมาก คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 31-33.4 บาท/ดอลลาร์ สาเหตุที่กรอบค่าเงินกว้างมากก็เพราะยังมีความเสี่ยงในเรื่องของปัจจัยต่างประเทศที่จะเข้ามากระทบ โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. 2562
"ในช่วงเดือนนั้นจะมีเรื่องของการพิจารณาเพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกา อังกฤษจะพิจารณาออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศอียู (เบร็กซิต) ปัญหาของอิตาลีกับยุโรป รวมทั้งการเลือกตั้งของไทยที่ผ่านไปแล้วและกำลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่" เชาว์ กล่าว
การที่ค่าเงินบาทในปีหน้าจะมีช่วงห่างกว้างถึง 2 บาท ก็เป็นไปตามสถานการณ์โลก และสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ความผันผวนที่จะเกิดขึ้นนี้ทางผู้ส่งออกและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการมีรายได้หรือรายจ่ายเป็นเงินสกุลต่างประเทศจะต้องดูแลความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้ดี เพื่อที่จะไม่ขาดทุน
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ช่วงนี้เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นหลังได้รับแรงเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว หลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะเวลา 5 ปี เริ่มไหลลงมาอยู่ที่ 2.798% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะเวลา 2 ปี ที่ 2.811% โดยการที่อัตราผลตอบแทนระยะยาวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนระยะสั้นนั้น เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต (Beige Book) เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. โดยระบุว่าเศรษฐกิจของสหรัฐได้ขยายตัวในระดับพอประมาณหรือปานกลางระหว่างช่วงกลางเดือน ต.ค.ไปจนถึงปลายเดือน พ.ย. แต่ทว่าการจ้างงานในสหรัฐนั้นเริ่มขยายตัวช้าลงอีกทั้งผู้ประกอบการโดยรวมในสหรัฐได้พบปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานคุณภาพ ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ผลิตในสหรัฐยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผล กระทบจากสงครามการค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 7 ธันวาคม 2561
