ม.เกษตรฯ จับมือเอกชนยกระดับยางพารา-ปาล์มน้ำมัน
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0วันที่ 21 มี.ค. นายจงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมด้วย นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท ไทยอีสเทิร์น อินดัสเตรียล แลนด์ จำกัด ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ การทำวิจัยด้านยางพาราและปาล์มน้ำมันเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น เปิดเผยว่าการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ การทำวิจัยด้านยางพาราและปาล์มน้ำมันเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือครั้งนี้ส่งผลดีต่อภาคเกษตรกรรมโดยรวม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ได้แก่ ด้านองค์ความรู้ เช่น การคิดค้นหลักสูตรเพื่อสร้างบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมเกษตรด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อพัฒนาคุณภาพและเพิ่มผลผลิตต่อไป และด้านงานวิจัย จะร่วมกันวิจัย คิดค้น สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือและขยายผลสู่ระดับสากลในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทฯ " YourGlobal Partner for Sustainability" (พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ยั่งยืน)
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท เริ่มต้นจากครอบครัวเกษตรกร พัฒนาสู่อุตสาหกรรมเกษตรด้วยการก่อตั้งโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม เมื่อปี 2535 เพื่อรองรับผลผลิตที่จังหวัดชลบุรี และขยายสู่ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตน้ำยางข้น ยางแท่ง ยางแท่งเกรดพิเศษ รวมถึงขยายพื้นที่เพาะปลูก ขยายสาขา ขยายกำลังการผลิต ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมี 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พลังงาน ขนส่ง และธุรกิจสำหรับร่วมทุน
กลุ่มบริษัท ไทยอีสเทิร์น เป็นโรงงานยางแท่งที่ใหญ่สุดในภาคตะวันออก และเป็นกลุ่มที่ผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย โดยมีโรงงานยางในภาคตะวันออก 3 โรง โรงงานปาล์มน้ำมัน 2 โรง ในภาคอีสาน 3 โรงงาน นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท ยังดำเนินธุรกิจ logistic เพื่อสนับสนุนการขนส่ง สร้างความสะดวกให้กับเกษตรกรผู้ผลิต มีจุดรับซื้อวัตถุดิบทั้งภาคกลาง ตะวันออก อีสาน เหนือ ครบวงจร
สำหรับธุรกิจสายยางนั้น จะเน้นลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของลูกค้าในระดับ Global Brand เช่น กลุ่มผลิตยางล้อรถยนต์ บริดจ์สโตน /มิชลิน / Pirelli / Apollo / Continental / Sumitomo รวมถึงกลุ่มถุงมือยาง ในส่วนสายปาล์มน้ำมัน กลุ่มบริษัทจัดส่งให้ผู้ผลิตทั้งที่เป็นกลุ่มผลิตน้ำมันปรุงอาหาร และกลุ่มผลิตน้ำมัน B100 ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับ Top 5 ของประเทศ ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในสินค้าของกลุ่มบริษัท เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี ภายหลักใต้ธรรมาภิบาล ทำให้เกิดเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ที่ยั่งยืน นั่นหมายความว่า จะเป็นพันธมิตรที่ก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไปในอนาคต
นายเฉลิม กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมทั้งยางพาราและสายปาล์มน้ำมันกว่า 8,000 ล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจยางพารา ซึ่งได้ขยายกำลังการผลิตยางแท่งจากเดิมเพิ่มขึ้นมาอีก 30 % และในปีนี้มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอีก 50% รวมไปถึงแผนในการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพในสายพลังงานอีกด้วยการเติบโตของกลุ่มบริษัทแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์นอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งความยั่งยืนนั้นนอกจากจะเกิดจากการบริหารจัดการที่ครอบคลุม ทันสมัย และมีธรรมาภิบาลแล้ว สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือการสร้างเสริมบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะการจัดการที่ตรงตามสายงานตอบสนองต่ออุตสาหกรรมการเกษตรโดยตรง รวมถึงการเดินหน้างานวิจัยและพัฒนา เพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเลขได้ แต่สามารถประเมินค่าความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นได้ และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการลงทุนภายในเขตประกอบการเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายเฉลิม กล่าวว่าประเทศไทยมีเศรษฐกิจรากฐานกว่า 70% เป็นอุตสาหกรรมเกษตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ส่งผลให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านกายภาพ คือ ดินที่เอื้อต่อการผลิตสินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพดีได้ แต่เรายังตามหลังนานาชาติในเรื่องของเทคโนโลยี ความรู้ การวิจัย รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ อยู่ ทั้งที่ประเทศไทยมีดินดำ น้ำชุ่ม อากาศดี ขณะที่ต่างชาติมีเพียงเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ไม่สามารถนำดินดำน้ำชุ่มไปใช้ได้ ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาสู่ดินดำน้ำชุ่มของไทยได้
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากทั้งกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์นฯ และม.เกษตรศาสตร์ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน ส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัยทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน และพัฒนาห้องปฏิบัติการมาตรฐานและห้องปฏิบัติการนวัตกรรมทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน
ด้าน นายจงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดี ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า บทบาทหน้าที่ของ ม.เกษตรศาสตร์ จะมีบทบาทจัดทำหลักสูตรการสอนทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน จัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม เพื่อเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน จัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม เพื่อเป็นประธานหลักสูตรทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน ตลอดจนการศึกษา วิจัย และพัฒนางานวิจัยทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงจัดหานักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมมาทำงานวิจัย และจัดหาเครื่องมือ สถานที่ และบุคลากรให้มีความพร้อมในการรับบริการทดสอบตัวอย่าง ขณะที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะให้การสนับสนุนในการจัดทำหลักสูตรการสอนทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน จัดเตรียมหัวข้อวิจัยและแนวทางการจัดการด้านทุนวิจัยสำหรับดำเนินการวิจัย และให้การสนับสนุนในการส่งตัวอย่างทดสอบของหัวข้อวิจัย
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : ไทยรัฐ 25 มีนาคม 2562