เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

‘เบอร์เลย์’ ใบยาสูบพลิกชีวิตชาวนา-เศรษฐกิจเกษตร

ข่าววันที่ :2 ก.พ. 2558

Share

tmp_20150202152321_1.jpeg

                “เบอร์เลย์” เป็นใบยาที่เกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์นิยมปลูกกันมาก โดยลักษณะลำต้นตั้งตรง มีขนซึ่งให้ความรู้สึกเหนียวเมื่อสัมผัส ลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวมีขนาดใหญ่ยาวประมาณ 50-60 ซม. และกว้างประมาณ 25 ซม. ขอบใบเรียบ

                ส่วนมากจะไม่มีก้านใบ มีหูใบ ฐานใบจะหุ้มลำต้นไว้ครึ่งหนึ่ง ใบจะมีขนปกคลุม ดอกออกเป็นช่อสีชมพู ขาวหรือแดง มีกลีบดอก 5 กลีบ โดยส่วนล่างของกลีบดอกเชื่อมติดกัน ทำให้ดอกมีรูปร่างเหมือนระฆัง เมล็ดมีขนาดเล็กรูปไข่สีน้ำตาลเข้ม ผิวเมล็ดมีเส้นสานกันเป็นร่างแห เมื่อบ่มจนแห้งแล้วจะมีกลิ่นฉุน สีคล้ำ น้ำหนักเบา โครงสร้างโปร่ง สามารถดูดซึมน้ำหอมน้ำปรุงได้ดี

                จันทรา ยิ่งยง ชาวไร่ หมู่ 8 บ้านคลองสีฟัน ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เล่าว่า เกษตรกรนิยมปลูกต้นใบยาในช่วงฤดูแล้ง หรือหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว โดยขั้นตอนการปลูกจะรอจนกว่าต้นกล้าแข็งแรงอายุประมาณ 20-25 วัน จากนั้นย้ายลงปลูกในแปลงที่ยกร่องเตรียมไว้ ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50 ซม. ช่วงแรกรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 3-5 วัน จากนั้นทิ้งระยะห่าง 3-5 วันต่อครั้ง ส่วนปุ๋ยที่ใส่ให้ต้นยาสูบนั้นจะเป็นปุ๋ยเคมีสูตร 14-9-20 และสูตร 27-0-0 โดยจะใส่ไร่ละ 5 ถุง ถุงละ 50 กิโลกรัม โดยใช้วิธีการหว่านไปตามร่อง และวิธีฝังให้ห่างจากต้นยาสูบประมาณ 10 ซม.

หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 60-70 วันก็จะเริ่มเก็บใบได้ ซึ่งจะเก็บจากโคนต้นขึ้นมาหายอด ครั้งที่ 1 จะเก็บประมาณ 5-6 ใบ จากนั้นจะเว้นประมาณ 10-15 วัน จึงจะเก็บครั้งที่ 2 และเว้นประมาณ 10-15 วัน จึงจะเก็บครั้งที่ 3 ซึ่ง ก็จะเก็บวิธีเดิมแต่จะเป็นการเก็บใบที่เหลือทั้งหมด

                หลังได้ใบยาสูบ สดมาแล้วก็นำมา “บ่มอากาศ” ซึ่งเป็นการแขวนตากแห้งอยู่ใน โรงบ่มที่มีหลังคาแต่มีด้านข้างที่เปิดโล่ง เพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้สะดวก ลมระบายได้ดีโดยไม่ต้องใช้ความร้อนเพิ่มเติม เพื่อกำจัดความชื้นจากใบยาสูบอย่างเหมาะสม โดยใช้เวลาประมาณ 30-45 วัน

                การบ่มอากาศแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1. ระยะทำสีเหลือง 2. ระยะทำสีน้ำตาล 3. ระยะทำใบแห้ง และ 4. ระยะทำก้านแห้ง เมื่อได้ใบยาตามที่ต้องการแล้วก็จะส่งไปยังบริษัทที่รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 70 บาท ปัจจุบันสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เฉลี่ย 300 กิโลกรัมต่อไร่ ปลูก 10 ไร่ ใน 1 รอบการปลูกจะมีกำไรประมาณ 110,000 บาท ซึ่งถือว่าราคาดีเมื่อเทียบกับการปลูกข้าว

                ด้านนายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ใบยาสูบสายพันธุ์เบอร์เลย์ปลูกมากทางภาคกลางของประเทศไทย ได้แก่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ และบางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสามารถปลูกได้ในดินหินปูน อาศัยปุ๋ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

                ปัจจุบันมีสมาชิกสมาคมกว่า 600 คน แต่มีจำนวนผู้ปลูกใบยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ กว่า 5,000 ครัวเรือน คิดเป็น 32,000 ไร่ กระจายอยู่ในพื้นที่ อ.หล่มสัก เมือง หนองไผ่ ชนแดน และ วังโป่ง สามารถผลิตใบยาแห้งได้ประมาณ 13 ล้านกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าส่งออกประมาณ 15,000 ล้านบาท.


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพข่าวจาก : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
 

คลังภาพ (Gallery)
pic_20150202152321_1.jpegpic_20150202152321_2.jpegpic_20150202152322_3.jpegpic_20150202152322_4.jpegpic_20150202152322_5.jpeg