เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

กูรู ‘เจียไต๋’ จัดให้ พืชใช้น้ำน้อยสู้แล้ง

ข่าววันที่ :28 ต.ค. 2558

Share

tmp_20152810160843_1.jpg

แม้ไต้ฝุ่นมูจีแกจะฟาดหางมาช่วยเติมน้ำลงเขื่อนได้บ้าง แต่ยังไงก็ตาม 4 เขื่อนหลัก ภูมิพล–สิริกิติ์–แควน้อยบำรุงแดน–ป่าสักชลสิทธิ์ ที่หล่อเลี้ยงลุ่มเจ้าพระยา ยังคงมีน้ำน้อย...น้อยกว่าปีที่แล้ว

ปีที่แล้วว่าแล้งจัด ห้วงเวลาเดียวกันนี้ (21 ต.ค.57) 4 เขื่อนหลัก มีน้ำใช้การได้รวมกันถึง 6,449 ล้าน ลบ.ม. แต่มาปีนี้ (21 ต.ค.58) มีแค่ 4,125 ล้าน ลบ.ม. แล้งหนนี้จะหนักหนากว่าที่ผ่านมา

แม้รัฐบาลจะไม่ประกาศงดทำนาปรัง ได้แต่ขอร้องชาวนาโปรดพิจารณาสมควรจะปลูกข้าวหรือไม่...ถ้าไม่ให้ปลูกข้าวจะให้ปลูกอะไร ครั้นรอคำตอบจากภาครัฐ ชาวนามีคำถาม พืชที่ทางการแนะนำจะช่วยให้มีรายได้พอกินแค่ไหน

เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร ลองมาฟังคำชี้แนะจากภาคเอกชน บริษัท เจียไต๋ จำกัด ที่คลุกคลีทั้งเรื่องการผลิตและการตลาดกันบ้าง...แล้งอย่างนี้ เกษตรกรน่าจะปลูกพืชอะไรที่ใช้น้ำน้อย ให้ผลผลิตสร้างรายได้ ดีกว่าทำนาปรัง ในแบบไม่ปลูกเหวี่ยงแหเหมือนกันทั้งประเทศ เดี๋ยวจะมีปัญหาล้นตลาดเข้าให้อีก

ชาวนาบ้านเราทำนาปรังได้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณไร่ละ 694 กก. ขายได้ กิโลฯละ 7 บาท...สรุปแล้ว ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 4,858 บาท แล้วอะไรบ้างที่ทำเงินได้เท่านี้ หรือ มากกว่า

สุภัทร เมฆิยานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท เจียไต๋ จำกัด ให้ข้อมูลแบบแยกแยะเป็นรายภาค ประมาณโซนนิ่งกลายๆ ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ภูมิอากาศ และการตลาด

ถ้าเป็น ภาคเหนือ พืชใช้น้ำน้อยที่น่าสนใจในหน้าแล้ง สุภัทร แนะนำ...พริกหนุ่ม, พริกชี้ฟ้า, ข้าวโพดหวาน, ข้าวโพดข้าวเหนียว และมะเขือเทศสีดา

แนะนำให้ปลูกพืช 5 ชนิดนี้ เนื่องจากหลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จ ลมหนาวโชยมา ภาคเหนืออากาศเย็น ตรงกับความต้องการของพืชเหล่านี้พอดี ที่สำคัญลงปลูกในช่วงหลังนาปี ยังเป็นการปลูกนอกฤดู...ได้ราคาดีกว่าปลูกในฤดู

ปกติปลูกในฤดู พื้นที่ 1 ไร่ พริกหยวกทำรายได้ประมาณ 87,000 บาท, พริกหนุ่ม 75,000 บาท, มะเขือเทศสีดา 50,000 บาท, ข้าวโพดหวาน 18,000 บาท, ข้าวโพดข้าวเหนียว 24,000 บาท

แค่ในฤดูยังทำรายได้มากกว่าทำนาหลายเท่าตัว แล้วถ้าปลูกนอกฤดู รายได้จะเพิ่มไปขนาดไหน อย่างพริกหยวก ในฤดูขายได้ กก.ละ 15–25 บาท นอกฤดูเพิ่มเป็น 25–30 บาท, พริกหนุ่ม ในฤดู กก.ละ 15 บาท เพิ่มเป็น 25 บาท แต่ถ้ารอให้สุกจนแดง จะขายได้สูงถึง กก.ละ 50 บาทเลยเชียว, มะเขือเทศสีดา จาก กก.ละ 5 บาท จะเพิ่มเป็น 15–20 บาท

ที่สำคัญ กูรูเจียไต๋ แนะว่า การปลูกที่จะช่วยให้ขายได้ราคา ไม่ต้องกังวลเรื่องล้นตลาดขายไม่ออก เกษตรกรควรจะปลูกพืชหลายชนิด อย่าแห่ปลูกตามกัน เหมือนกันให้มาก...และชักชวนรวมกลุ่มกันปลูก ให้ได้ผลผลิตพืชแต่ละชนิด มีเก็บขายได้วันละ 500 กก.ขึ้นไป เพื่อพ่อค้าจะได้เข้ามารับซื้อถึงพื้นที่

เพราะถ้าปลูกน้อยไป เราต้องขนไปขายเอง...พ่อค้าจะไม่เสียเวลาเข้ามารับซื้อผลผลิต

ส่วนภาคอื่นๆ แล้งนี้จะปลูกอะไร ติดตามในตอนต่อไป.

 

  http://www.thairath.co.th