เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

เปิดขายลองกองตันหยงมัสทั่วไทยสั่งตรงไปรษณีย์ไทย 5 กก. 390 บ.

ข่าววันที่ :23 ก.ย. 2558

Share

tmp_20152309101608_1.JPG

          นางสาวสุชาดา พุทธรักษา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัทมีความชำนาญในด้านการขนส่งและกระจายสินค้าซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ จึงได้เกิดแนวคิดที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลองกองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สามารถนำมาจำหน่ายได้ในท้องตลาดทั่วไปผ่านช่องทางบริการอร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์ โดยอาศัยความร่วมมือจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร ตลอดจนการบรรจุลงกล่องและส่งต่อมายังไปรษณีย์ เพื่อกระจายผลผลิตลองกองใต้ที่ขึ้นชื่อสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังลดปัญหาการตัดราคาจากพ่อค้าในพื้นที่ รวมถึงข้อจำกัดในด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้

          "ลองกอง เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะนิยมปลูกกันมาก ซึ่งลองกองที่นำมาจัดจำหน่ายผ่านบริการอร่อยทั่วไทยฯนี้ จะเป็นลองกองที่ผ่านการคัดเกรดและคุณภาพได้มาตรฐาน ผลเท่ากัน ผิวสวย มีรสชาติหวานหอม ไม่มียาง เม็ดเล็ก ต่างจากลองกองในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ผ่านบริการ "อร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์" ในราคา 390 บาท (บรรจุกล่อง 5 กิโลกรัม) ทุกช่องทางการรับคำสั่งซื้อ ได้แก่ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ THP Contact Center 1545 และ 0-2982-8222 หรือ www.thailandpostmart.com ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน - 31 ตุลาคม 2558"

          นางสาวสุชาดากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ปณท.ได้เป็นสื่อกลางในการกระจายผลผลิตโดยตรงจากสวนผลไม้ไปยังผู้บริโภค ด้วยบริการอร่อยทั่วไทยฯมาตั้งแต่ปี 2553 ได้แก่ ลำไย จ.ลำพูน, มะม่วงน้ำดอกไม้ จ.ฉะเชิงเทรา, ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม จ.สมุทรสงคราม, ลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวยและพันธุ์จักรพรรดิ จ.เชียงใหม่, มะยงชิด จ.นครนายก, ลองกอง จ.ระยอง, ทุเรียนพันธุ์หลงลับแล จ.อุตรดิตถ์ และ มังคุด จ.นครศรีธรรมราช และในอนาคต ปณท ยังคงมีแผนที่จะจำหน่ายผลไม้ขึ้นชื่อของแต่ละภูมิภาคไปยังปลายทางทั่วประเทศตลอดปี 2559 อย่างต่อเนื่องด้วย

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 24 - 26 ก.ย. 2558