เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

เฟดดันบาทปึ้ก สแตนชาร์ตฟันสหรัฐขึ้นดอกธ.ค.ปีหน้าลุ้นค่าเงินแข็งแตะระดับ34.75

ข่าววันที่ :17 ก.ย. 2558

Share

tmp_20151709111923_1.jpg

          น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิจัย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะขึ้นเร็วสุดในเดือน ธ.ค.หรือต้นปีหน้า เป็นการค่อยๆ ขึ้นอย่างช้าๆ และน่าจะปรับขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้น

          "เฟดจะรอดูเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐในเดือน ต.ค.นี้ก่อน การใช้นโยบายการเงินของสหรัฐเริ่มมีความตึงตัวแล้ว เพราะค่าเงินสกุลเหรียญสหรัฐช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้แข็งค่าขึ้นมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น สหรัฐกลับมาใช้นโยบายการคลังผลักดันเพิ่มเพดานหนี้ขึ้นในเดือน ต.ค. ซึ่งถ้าเพิ่มไม่ได้รัฐบาลต้องรัดเข็มขัดและกระตุ้นเศรษฐกิจลดลง" น.ส.อุสรา กล่าวระดับปัจจุบันถือว่าอ่อนค่ามากเกินไป แต่ก็อ่อนน้อยที่สุดในอาเซียน โดยมองว่าไตรมาส 3 ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าสูงสุดที่ระดับ 36-36.50 บาท/เหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะเริ่มแข็งค่าในไตรมาส 4 ตามที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย โดยอยู่ที่ระดับ 35.60 บาท/เหรียญหรัฐ และปีหน้าจะอยู่ที่ 34.75 บาท/เหรียญสหรัฐ

          "ที่กลัวว่าจะเกิดสงครามค่าเงิน เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ถ้าจีนต้องการให้เกิดจริง จีนคงไม่ปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงแค่ 4% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นถือว่าอ่อนค่าน้อยมาก เทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกันอ่อนแต่การที่จีนเปลี่ยนวิธีกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนก็เพราะต้องการเปิดเสรีทางการเงินให้สกุลเงินหยวนอยู่ในตะกร้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เท่านั้น

          นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านบริหารการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบวันที่ 16-17 ก.ย.นี้  แต่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้แน่นอน ค่าเงินบาทจึงยังคงเป็นทิศทางอ่อนค่าอยู่ โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยายังคงคาดการณ์ค่าเงินบาทในปีนี้ไว้ที่ 36.50 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่การเคลื่อนไหวมีความผันผวนและประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย

          สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 16 ก.ย. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และ กนง.มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตต่ำกว่า 3% แม้จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ออกมา เนื่องจากปัจจัยลบจาก ต่างประเทศยังมีอิทธิพลสูงกว่า

          อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังยืนยันว่า เศรษฐกิจปีนี้จะเติบโต ได้เกิน 3%

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 17 กันยายน 2558