เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

องคมนตรีแนะนำใช้ระบบสหกรณ์บริหารจัดการด้านการเงิน

ข่าววันที่ :4 ก.ย. 2558

Share

tmp_20150409104748_1.jpg

          นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้กล่าวกับประชาชน ณ โครงการแก้มลิงหนองแท่นแก้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านทุ่งดอน หมู่ที่ 4 ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม2558 ที่ผ่านมา ระหว่างเดินทางเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของโครงการฯ เพื่อให้กำลังใจแก่ เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ร่วมกันบริหารจัดการ โครงการฯ ว่า วันนี้โชคดีที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานลงมา คือ แก้มลิงแห่งนี้ ตามที่ชาวบ้านได้ทำหนังสือขอพระราชทานความช่วยเหลือไป และพระองค์ก็ได้พระราชทานลงมา ทั้งนี้คณะจะตระเวนไปทั่วทุกภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง เพื่อเยี่ยมพี่น้องชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง หรือเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ไปเยี่ยมเพื่อที่จะสอบถามว่า โครงการเหล่านั้น มีประโยชน์อะไรกับชาวบ้าน หรือมีสิ่งที่ต้องแก้ไข ปรับปรุงอะไรบ้าง “ผมว่าแก้มลิงแห่งนี้ดูแล้วมีประโยชน์มาก ทุกคนก็พึงพอใจ ส่วนรวมได้ประโยชน์ แต่หากว่าขยายผลให้ดีขึ้น อย่างเช่น ได้ทราบว่าจะขยายพื้นที่อีก 50 ไร่ ก็ขอแสดงความชื่นชม ยินดีด้วย และต้องปรับปรุงกันไปเรื่อย ๆ อย่าหยุดนิ่ง เราก็ทราบว่าทั้ง 2 พระองค์ทรงตรากตรำทำงานมาตลอดช่วงรัชสมัยตั้งแต่ต้นรัชกาลแล้ว ตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ 60 กว่าปีแล้ว บางคนยังไม่เกิดด้วยซ้ำ บัดนี้ความจริง ทั้ง 2 พระองค์ควรจะได้พักผ่อนแล้ว ก็ต้องมาอยู่โรงพยาบาล แทนที่จะมาอยู่ในพื้นที่ที่สุขสบายตามสมควร ในฐานะที่ทรงตรากตรำทำงานหนักมากก็ต้องไปอยู่โรงพยาบาล ถามว่าพวกเรามีใครอยากไปนอนโรงพยาบาลบ้าง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากไป ฉะนั้นก็ขอให้ช่วยกันดูแลรักษา และก็ขยายผลในงานและโครงการต่าง ๆ อย่างที่ท่านทำกันอย่างวันนี้” นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าว พร้อมให้ข้อคิดแก่ราษฎรและบุคลากรจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องของโครงการฯ ต่อการทำงานว่า ควรใช้แหล่งน้ำแห่งนี้เพื่อการเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น แต่บางทีอาจจะคิดว่าผลิตแล้วเอาไปขายที่ไหน แต่เชื่อว่า หากช่วยกันคิด ปรึกษากัน อะไร ๆ ที่มันดูยาก ก็อาจจะง่ายขึ้น ความจริงหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างไม่ใช่เราต้องการแต่เงินสดอย่างเดียว ผลผลิตบางตัวสามารถที่จะแบ่งปันกัน แลกเปลี่ยนกัน ถ้ามีเงินสดได้ก็ดี เพราะชีวิตในบางวันก็ต้องมีเงินสดใช้ เมื่อมีเงินสดแล้ว เราก็ต้องรู้จักใช้เงินให้เป็น ให้พอเพียง ก็ต้องมีการควบคุม ด้วยการลงสมุดบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย ตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เชิญชวน เร่งเร้า กระตุ้น ให้เราทำกัน เราจะได้รู้ว่าเงินทองที่เราหามาได้ด้วยความยากลำบากนั้นเราใช้ทำอะไรบ้าง อันนี้เราต้องลงบัญชีไว้ ให้รู้ ถ้าเราลงไว้นาน ๆ เราก็จะรู้ว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เรื่องอย่างนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนมาตลอดว่าต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายครัวเรือน นอกจากนี้องคมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ทุกโครงการที่พัฒนาขึ้นมานั้นจะมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์ และคนที่เดือดร้อน อย่างอ่างเก็บน้ำ ทางกรมชลประทานก็มาออกแบบ สำรวจ เห็นว่าเหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศ สายน้ำต้นทุนก็เหมาะที่จะทำเป็นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งและช่วยในฤดูน้ำหลากเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วม ไม่ให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ตอนล่าง แต่ทุกโครงการเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์และคนที่เดือดร้อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนว่า คนที่ได้ประโยชน์นั้น ก็ต้องคิดถึงคนที่เดือดร้อน ว่าเดือดร้อนจากไหน ก็คือว่าน้ำอาจจะท่วมพื้นที่ทำกินของพี่น้องญาติมิตรในหมู่บ้าน ก็ต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่ในพื้นที่ที่จัดสรรให้ใหม่ จะต้องห่างญาติมิตร ซึ่ง ทรงสอนว่าจะต้องช่วยดูแลผู้ที่เสียสละเหล่านี้ด้วย และผู้ที่ได้ประโยชน์จะต้องใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด อย่าใช้โดยสิ้นเปลือง เพราะประเทศเราดูว่าน้ำจะเยอะก็จริง แต่เมื่อถึงหน้าน้ำน้ำก็ท่วม เมื่อถึงเวลาแล้งก็แห้งแล้ง “สิ่งต่าง ๆ ที่ทรงพระราชทานคำสอนมานี้ พวกเราก็พยายามพูดกันต่อไป เพื่อให้ได้เห็นมูลค่าต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พูดง่าย ๆ ว่าประเทศเราสวรรค์ประทานมา มีความอุดมสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าเราจะทำอย่างไรให้มีการบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งต้องช่วยกันและที่สำคัญต้องเห็นแก่ส่วน รวมมากกว่าส่วนตัว” นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าว.“
 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/ วันที่ 4 กันยายน 2558