เชื่อรัฐกระตุ้นบริโภคเห็นผลปีนี้กนง.ประเมินเศรษฐกิจ16กันยา
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) เปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกปี 2558 โดยระบุว่า มีโอกาสที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีจะต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวในระดับ 2.9% โดยต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 กันยายนนี้ ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายการเงินในวันที่ 25 กันยายนนี้
อย่างไรก็ดีการที่ทีมเศรษฐกิจใหม่ (นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ) ได้เข้ามาเร่งผลักดันอาจจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้ ในส่วนของมาตรการกระตุ้นการบริโภคน่าจะเห็นผลภายในปีนี้ แต่ผลการเบิกจ่ายภาครัฐนั้น คงต้องรอดูตัวเลขในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณว่าเม็ดเงินจะออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
"การเบิกจ่ายของภาครัฐถือว่าทำได้ดีกว่าคาด เพียงแต่เม็ดเงินไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการส่งออก ซึ่งมีสัดส่วนต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมากยังคงชะลอตัว เช่นเดียวกับทางด้านอุปสงค์ในประเทศ ปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไม่ได้มากเท่ากับที่คาดการณ์ แต่ภาคการท่องเที่ยวถือว่ายังมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ โดยในเดือนกรกฎาคมจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 2.6 ล้านคน"
ในขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะติดลบทั้งปี จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาเป็นบวกได้ในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ธปท.อาจต้องปรับคาดการณ์ตัวเลขเฉลี่ยเงินเฟ้อทั้งปีในปีนี้ (เดิมคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีจะติดลบ 0.5% เงินเฟ้อพื้นฐานบวก 1%) โดยราคาน้ำมันที่ลดลงไม่ส่งผลดีต่อภาคการบริโภคตามที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่ในเชิงกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่าราคาน้ำมันที่ปรับลง จะช่วยในเรื่องของสภาพคล่องภาคธุรกิจพอสมควร ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ไม่มีการปลดคนงานจำนวนมากๆ อีกทั้งธุรกิจยังพอไปได้แม้จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับภาวะเศรษฐกิจการเงินในเดือนกรกฎาคมนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัว 3.1% ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่วนการบริโภคภาคเอกชนปรับลดลง ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทน หมวดสินค้ากึ่งคงทน หมวดบริการด้านการขนส่งที่ต่ำลง รวมทั้งหมวดสินค้าไม่คงทนที่ชะลอลง จากเดือนก่อน สะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือน ขณะที่รายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรทรงตัวต่อเนื่อง ประกอบกับผู้บริโภคมีความกังวล ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์ภัยแล้ง อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม และการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ฯได้ออกบทวิเคราะห์ โดยคาดนโยบายการคลังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังแทนนโยบายการเงิน
คาดว่ากนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 16 กันยายนนี้ ขณะที่นโยบายการคลังจะมีบทบาทมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แทนที่นโยบายการเงินเนื่องจากให้ผลเร็วและเฉพาะเจาะจงมากกว่าในการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนที่ยังอ่อนแอ
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 - 5 ก.ย. 2558