เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

สินค้าสหกรณ์ไทยเหินฟ้าให้บริการบนการบินไทย

ข่าววันที่ :29 มิ.ย. 2558

Share

tmp_20152906104733_1.jpg

          นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การสนับสนุนสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ระหว่างนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ณ กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประเทศไทย มีศักยภาพในการผลิตผลไม้และพืชผักได้หลากหลายชนิด โดยในแต่ละปีสามารถผลิตผลไม้ที่สำคัญ เช่น ลำไย ทุเรียน มังคุด มะม่วง สับปะรด ลิ้นจี่ และเงาะ สำหรับการผลิตผักที่สำคัญ เช่น ข้าวโพดฝักอ่อน ข้าวโพดหวาน หน่อไม้ฝรั่ง และพริก ซึ่งสามารถส่งออกและสร้างรายได้เข้าประเทศได้ถึงปีละกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท โดยมีมูลค่าการส่งออกผลไม้สดแช่แข็งและผลไม้แห้งประมาณปีละ 8,000 ล้านบาท และมีมูลค่าการส่งออกผักสดและผักแช่แข็งประมาณ 1,000 ล้านบาท แสดงถึงศักยภาพที่จะสามารถขยายตลาดต่อไปได้ในอนาคต โดยมีสถาบันเกษตรกร สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศกว่า 73,000 แห่ง ที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าทางการเกษตรได้ตลอดทั้งปี และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับผลิตภัณฑ์การเกษตรของไทยสู่ตลาดโลก โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ทุเรียนทอดกรอบ ลำไยอบแห้ง สับปะรดกระป๋อง ไอศกรีมมังคุด และมะม่วง เป็นต้น โดยเฉพาะในส่วนของผลผลิตจากเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนับสนุนและส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกร สหกรณ์ หันมาแปรรูปผลไม้และพืชผักที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีการรับรองด้านความปลอดภัย เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลไม้และพืชผัก รวมทั้งปรับปรุงโรงบรรจุภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐานคุณภาพและถูกสุขลักษณะทั้งจาก GMP และมาตรฐานสินค้า Q สร้างอาชีพที่มั่นคงทำให้เกษตรกรสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคมมีข้อตกลงกันที่จะให้สถาบันเกษตรกรจัดหาผักผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีคุณภาพ ผ่านระบบ GAP มีมาตรฐาน Q ส่งให้กับการบินไทย เพื่อใช้เสิร์ฟให้กับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีสหกรณ์ที่ได้ร่วมกิจกรรม 92 สหกรณ์ จาก 19 จังหวัดที่ทำการผลิตผลไม้ทั้งสดและแปรรูป ซึ่งทางกรมฯ จะคัดเลือกสหกรณ์ที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการผลิตผักและผลไม้ที่มีคุณภาพตรงตามที่ทางกระทรวงคมนาคม หรือบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต้องการ จึงจะสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ “ขณะนี้เป็นการทำข้อตกลงเบื้องต้น ยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องจัดทำสัญญา เข้าใจว่าคงจะได้คุยเพื่อจะทำสัญญาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสัญญาจะมีผลระยะเวลา 3 ปี ในการที่จะส่งมอบสินค้าเหล่านั้น คงจะต้องทำไปตามฤดูกาลของผลผลิต ว่าช่วงไหนมีผลผลิตอะไรบ้าง อย่างทางภาคเหนือจะไปเน้นเรื่องของลำไยอบแห้ง ลำไยสีทอง จากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ในภาคตะวันออกก็จะเน้นผลไม้ตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ราคา พืช ผัก ผลไม้ สามารถยกระดับสูงขึ้น ซึ่งสมาชิกสหกรณ์ หรือสถาบันเกษตรกร ก็จะมีรายได้จากโครงการนี้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสมาชิกสหกรณ์เองก็ต้องปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรฐานที่ต้องการ ต้องประณีต มีความพิถีพิถันในการเพาะปลูกผักผลไม้เหล่านั้น และต้องตรวจสอบได้ด้วยว่า มีความปลอดภัยไร้สารพิษ แล้วไปสู่กระบวนการสหกรณ์ที่จะรวบรวมแล้วดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงกับการบินไทยต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากลงนาม ในครั้งนี้แล้ว ก็จะมีการหารือร่วมกันระหว่างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับสหกรณ์ สถาบันเกษตรกร โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปมีบทบาทในการผลักดันให้มีการซื้อขายผักผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในระยะยาวต่อไป “ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีในการร่วมกันสนับสนุนผลิต ภัณฑ์ผลไม้และพืชผักสด รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรของไทย ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการนำผลไม้และพืชผักสด และผลิตภัณฑ์จากสหกรณ์ และสถาบันเกษตรกร ที่ผลิตได้มาตรฐานตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลกได้เพิ่มมากขึ้น” นายโอภาส อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว. 
 

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/ วันที่ 29 มิถุนายน 2558