เกร็ดน่ารู้ เรื่อง กูรูธุรกิจชี้เทรนด์ตลาดปี60 ใช้ดิจิทัลทุกมิติดักจับผู้บริโภค
สมยศ เชาวลิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอที เผยว่า ทิศทางตลาดของกลุ่มธุรกิจไอทีปีหน้าคอมพิวเตอร์จะไม่มีวันหายไปจากโลกดิจิทัลแม้ว่าคนหันไปใช้โทรศัพท์มือถือก็ตาม เพราะองค์กรต่างๆ ยังต้องลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ให้พนักงานได้ทำงาน อีกทั้งยังเกิดตลาดใหม่อย่างอี-สปอร์ต หรือเทรนด์การแข่งขันเล่นเกมเพื่อชิงรางวัล เบื้องต้นบริษัทยังได้แตกธุรกิจร้านเกมออกมาบุกธุรกิจจริงจัง ขณะที่กลยุทธ์ตลาดต้องผสมผสานระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ และลงลึกการทำโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล
ขณะที่ สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง กล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ต้องการบ้าน แต่ต้องเป็นไลฟ์สไตล์ด้วย เช่น การทำคอนโดมิเนียมริมน้ำก็ต้องสร้างในรูปแบบรีสอร์ท การสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกับแนวโน้มผู้สูงอายุเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา การเติบโตลดลงต่อเนื่อง โดยปี 2559 รายได้ต่ำสุด เชื่อว่าปีหน้าธุรกิจอสังหาฯ มีทิศทางดีขึ้นจากมาตรการภาครัฐออกมากระตุ้น
ด้าน กรกฎ ศรีวิกรม์ กรรมการบริหาร ศูนย์การค้าเกษร กล่าวว่า ธุรกิจในย่านราชประสงค์เป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเชื่อมโยงกับโรงแรม ด้วยการสร้างทางเดินลอยฟ้าทั้งหมด 18 จุด เพื่อพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งอนาคตดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย สำหรับปีหน้ามองถึงการสร้างคอนเทนต์ทางมือถือ โดยนำวิดีโอและรูปภาพมาเป็นเครื่องมือสื่อสารจะมีมากขึ้น ขณะที่การจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องวิเคราะห์ว่าลูกค้ามีความสนใจสิ่งใดถึงสร้างรูปแบบกิจกรรมออกมารองรับ
ในขณะเดียวกันการปฏิวัติธุรกิจการเงินได้เกิดขึ้นจากการที่เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เจเนอเรชั่นวายกลายเป็นประชากรที่เข้าสู่วัยทำงานถึง 50% ของจำนวนผู้ทำงานทั้งประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี จิรยง อนุมานราชธน หุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัท เจดี พาร์ทเนอร์ ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า โลกธุรกิจการเงินกำลังทรานส์ฟอร์มไปสู่ฟินเทค การทำตลาดจากนี้ไปธุรกิจต้องเจาะเฉพาะบุคคลโดยนำบิ๊กดาต้ามาวิเคราะห์เพื่อรับรู้ถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
ศิริรัตน์ โกศการิกา ผู้อำนวยการหลักสูตร BrandKU EXT คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เทรนด์การทำตลาดปีหน้าจากการวิเคราะห์บริษัทเอเยนซีชั้นนำต่างประเทศจะมีด้วยกัน 7 เทรนด์ ได้แก่ 1.การสร้างแบรนด์ผ่านเรื่องราวจะไม่เพียงพอสำหรับยุคนี้ แต่ต้องใช้ภาพและเสียงถ่ายทอดถึงความอารมณ์ วิดีโอจึงกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการตลาดที่สำคัญ
เทรนด์ที่ 2.การสร้างวิดีโอโดยไม่มีการปรุงแต่ง จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าใช้โลกโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นจากการสร้างภาพลักษณ์ 3.การทำตลาดจะมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะบุคคลมากขึ้นและหมดยุคการทำตลาดเฉพาะเจาะจงให้กับแต่ละคนเป็นจำนวนมาก (Mass Customization) เช่น นำชื่อมาพิมพ์ลงบรรจุภัณฑ์
ส่วนเทรนด์ที่ 4.จะเกิดการแข่งขันนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค 5.การสร้างประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกจริง (Augmented Reality:AR) และความเป็นจริงเสมือน (Virtual reality:VR) จะมีสินค้าและบริการมาใช้ทำตลาดมากขึ้น
สำหรับเทรนด์ 6.ช่องทางออฟไลน์ต้องสร้างให้ผู้บริโภคเกิดการสัมผัส 5 ด้าน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งพบว่า 80-90% ช่วยให้ลูกค้าอยู่ภายในร้านนานและกระตุ้นการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 7.การบริหารชื่อเสียงของแบรนด์ เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคตั้งคำถามแบรนด์ดีจริงหรือเปล่า
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การตลาดก็ต้องปรับเปลี่ยน แบรนด์ต้องดักจับลูกค้าให้ทัน หมดยุคสร้างภาพลักษณ์บนโซเชียลมีเดีย สู่การใช้วิดีโอขายความจริงและพูดความจริงกับผู้บริโภค แบรนด์ถึงจะอยู่ได้ใจผู้บริโภค
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : www.posttoday.com วันที่ 19 ธ.ค. 2559
