เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง สุขภาพหูอย่าลืมดูแล




          บวรลักษณ์ อภิวัน นักแก้ไขการได้ยิน ศูนย์บริการเครื่องช่วยฟัง Hearing Focus ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า ระดับการได้ยินปกติในทุกความถี่ต้องอยู่ไม่เกิน 25 เดซิเบล จะได้ยินเสียงคำพูดครบทุกเสียง แต่หากมีการสูญเสียการได้ยินหรือหูตึงจะต้องฟังเสียงดังมากกว่าปกติในการรับรู้เสียงคำพูด และเสียงที่ไม่เป็นอันตรายต่อการได้ยินคือมีระดับความดังไม่เกิน 85 เดซิเบล เช่น เสียงนกร้อง เสียงนาฬิกา เสียงหยดน้ำ หรือเสียงสนทนาโดยทั่วไป แต่เสียงที่มีความดังเกินกว่านั้นเป็นเสียงที่ส่งผลเสียต่อการได้ยิน ทำให้สูญเสียการได้ยินหรือหูตึงได้ ซึ่งไม่เพียงแต่เสียงยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องอื่นๆ อีกที่ควรระวังและหลีกเลี่ยง ดังนี้

          1.การแคะหู ทำให้มีขี้หูอุดตัน ช่องหูอักเสบติดเชื้อ เสี่ยงต่อเยื่อแก้วหูทะลุ ทำให้สูญเสียการได้ยินได้ ความจริงไม่ควรแคะหูเพราะขี้หูถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยป้องกันผิวหนังของรูหูจากสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำ เหงื่อ รวมไปถึงเชื้อโรค ฝุ่นละออง ปกติขี้หูที่สะสมอยู่จะแห้งหลุดออกมาได้เองจึงไม่จำเป็นต้องปั่นหรือแคะ การทำความสะอาดหูให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำ บิดพอหมาดเช็ดบริเวณใบหูและรูหูเท่าที่นิ้วจะเช็ดเข้าไปได้เท่านั้น

          2.การเป็นหวัด ทำให้ท่อปรับความดันที่ต่ออยู่ระหว่างช่องคอกับหูชั้นกลางบวม ความดันในหูชั้นกลางผิดปกติ ไม่สามารถปรับความดันให้เท่ากับบรรยากาศภายนอกได้ คนไข้จะรู้สึกหูอื้อหรือปวดหู

          3.การสั่งน้ำมูกแรงๆ ทำให้มีของเหลว น้ำมูกย้อนไปขังในหูชั้นกลาง หากของเหลวนั้นไม่สามารถระบายออกมาได้มักทำให้มีการอักเสบของหูชั้นกลาง คนไข้มักมีอาการหูอื้อหรือปวดหู

          4.การได้รับเสียงดังมากๆ เช่น เสียงระเบิด เสียงประทัด อาจทำให้เยื่อแก้วหูฉีกขาด กระดูกหูหลุดหรือประสาทหูเสื่อมได้

          5.การฟังเสียงดัง เช่น การฟังเพลงในที่ที่มีเสียงรบกวน อาจจะเพิ่มความดังเสียงโดยไม่รู้ตัว หรือการที่ต้องทำงานสัมผัสเสียงดังๆ เช่น เสียงเครื่องจักร และไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียง มักทำให้ประสาทหูชั้นในเสื่อมได้

          6.ประสาทหูเสื่อมแบบเฉียบพลัน คนไข้มักมีอาการหูดับแบบเฉียบพลันหรือรู้สึกว่าการได้ยินลดลงแบบเฉียบพลัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ

          7.โรคหูน้ำหนวก คือ โรคที่มีการอักเสบของหูชั้นกลางแบบเรื้อรัง มีเยื่อแก้วหูทะลุและอาจมีน้ำหรือหนองไหลออกจากหู อาการมักเป็นๆ หายๆ ระยะเวลามากกว่า 3 เดือน

          8.โรคหินปูนเกาะที่กระดูกหูชั้นกลาง เกิดจากหินปูนที่เจริญผิดปกติในหูชั้นกลาง เกาะระหว่างฐานของกระดูกโกลนกับช่องรูปไข่ ซึ่งเป็นช่องทางติดต่อระหว่างหูชั้นกลางและหูชั้นใน ทำให้เสียงไม่สามารถผ่านจากหูชั้นกลาง เข้าไปในหูชั้นในได้ตามปกติ ทำให้หูอื้อหรือหูตึง นอกจากนั้นอาจเกิดหินปูนเจริญผิดที่ในหูชั้นใน หรือหินปูนที่ผิดปกติในหูชั้นกลางปล่อยเอนไซม์บางชนิดเข้าไปในหูชั้นใน ทำให้มีเสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะบ้านหมุนได้

          9.โรคประจำตัว ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไต ไขมันในเลือดสูง ทำให้ประสาทหูชั้นในเสื่อม

          10.เนื้องอกที่เส้นประสาทการได้ยินมักมีการสูญเสียการได้ยินข้างเดียว โดยที่ความแตกต่างของระดับการได้ยินของหูทั้งสองข้างมักต่างกันเกิน 40 เดซิเบลขึ้นไปคนไข้มักบอกว่าได้ยินเสียงแต่ไม่สามารถแปลความหมายจากสิ่งที่ฟังได้ บางคนอาจมีอาการเดินเซเวียนศีรษะบ้านหมุนร่วม PT

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 13 กันยายน 2559