เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง พัฒนาหน้าวัวพันธุ์ใหม่สายเลือดไทย ลักษณะเด่นเทียบเท่าต่างประเทศ ช่วยลดนำเข้า-ประหยัดต้นทุนผลิต




         จนกระทั่งในปี 2526 เหลือพันธุ์หน้าวัวที่ผลิตเป็นการค้าในประเทศเพียง 2-3 พันธุ์เท่านั้น ต่อมาได้เริ่มมีการนำเข้า พันธุ์หน้าวัวจากต่างประเทศ ที่มีสีสันสวยงาม รูปทรงแปลกใหม่ อีกทั้งทัศนคติที่มีต่อ ดอกหน้าวัวก็เปลี่ยนไป ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น และมีการนำเข้าพันธุ์หน้าวัวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน

          ดังนั้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง จึงได้ทำการศึกษาและปรับปรุง พันธุ์หน้าวัว เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่เป็นพันธุ์ไทย แต่มีคุณลักษณะดีเด่นเทียบเท่าพันธุ์จาก ต่างประเทศ เช่น ด้านสีสัน จานรองดอก ที่มี ความหลากหลายมากขึ้น และมีคุณลักษณะที่ได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาด ทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งสามารถปรับตัว เข้ากับสภาพแวดล้อม ทนทานต่อโรคและ แมลงศัตรูพืชได้ดี อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหา เรื่องการนำเข้าพันธุ์หน้าวัวจากต่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยทำการปรับปรุงพันธุ์หน้าวัวในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2539-2555 มีหลักเกณฑ์การคัดเลือกหน้าวัวตัดดอก รูปหัวใจ ได้แก่ 1.จานรองดอก ต้องมีสีสดใสเป็นมัน แบ่งเป็น กลุ่มสีส้ม ชมพู แดง เขียว และขาว/2.การบรรจุหีบห่อง่าย คือ หูจานชิด และไม่ตั้งขึ้น โดยหูจานแยกจากกันจนถึง โคนปลี ร่องน้ำตาตื้น และขอบจานรองดอก ไม่ม้วนกลับ/3.รูปทรงของจานรองดอกมี ความสมมาตรเหมือนกันทั้งสองข้าง/4.ก้านดอกตรงแข็งแรง และยาวกว่า 30 เซนติเมตร/ 5.กลีบดอก ทำมุมประมาณ 60 องศา และสั้นกว่าจานรองดอกเล็กน้อย/6.อายุการ ปักแจกันนานกว่า 10 วัน และได้เสนอ เป็นพันธุ์แนะนำ จำนวน 5 สายพันธุ์ คือ ลำปาง 1 ลำปาง 2 ลำปาง 3 ลำปาง 4 และลำปาง 5

          สำหรับการปลูกนั้นปลูกได้ทั่วไป การขยายพันธุ์ในช่วงแรก ต้องใช้วิธีการ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เนื่องจากการแตกกอของหน้าวัวยังมีไม่มาก แต่เมื่ออายุมากขึ้น ก็สามารถใช้วิธีตัดยอดชำได้ โดยมีระยะปลูก ที่เหมาะสม 30x30 เซนติเมตร ปลูกในสภาพ โรงเรือนที่มีอุณหภูมิ 14-30 C ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% และวัสดุปลูกถ่ายเทอากาศดี ไม่ชอบ แดดจัด และลมโกรก ต้องการความชื้นสูง ต้องการแสง 20-30% หรือร่มประมาณ 70-80% ก่อนปลูกหน้าวัว ต้องทำโรงเรือนที่คลุมหลังคาด้วยวัสดุพรางแสง หรือสแลน (ตาข่ายช่วยพรางแสง) ขนาด 70% 2 ชั้น

          ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถขอรับคำแนะนำในการปลูกเลี้ยงหน้าวัวได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง ในวันและเวลาราชการ

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 28 กรกฏาคม 2559