เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง คอลัมน์: Health Insight: 10 สัญญาณเงียบๆ ที่ชี้ว่าความเครียดซ่อนอยู่




          แค่ท่านเอ่ยมาก็ซึ้งน้ำใจแล้วครับ เพราะแม้ใครจะว่าสังคมจะมีเรื่องเครียด ยังไงก็ตาม  เมื่อได้ความกรุณาปรานีจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมาแล้วก็เหมือนกับได้นั่งพักใน "โอเอซิส" ที่อยู่กลางทะเลทรายทำให้นักเดินทางชีวิตทั้งหลายพอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นเดินต่อไปในหนทางแห่งโลกนี้ได้

          ใครๆ ก็มีเคยพบกับความเครียดกันทั้งนั้น  แต่ถ้าไม่ช่วยกันหรือไม่รู้จักจัดการมันให้ดีแล้วก็จะทำให้ทางเดินชีวิต "เป๋" ออกไปได้  ซึ่งเรื่องนี้ ดร.สตีแวน อี. ฮ็อบฟอล ผู้เชี่ยวชาญแห่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยรัชได้กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่าความเครียดในสังคมยุคใหม่เป็นแบบ "เรื้อรัง" ดังนั้นจึงทำให้เราเสพฮอร์โมนเครียดอยู่อย่างสม่ำเสมอทั้งจากเรื่องงานและเรื่องในบ้านซึ่งทำให้เกิดอาการเครียดที่ "ซึมลึก" กัดกินอยู่ภายในเป็นอาการที่แสดงออกมาอย่างเนียนๆได้

          ดังที่ผมจะขอนำความไม่สุขสบายที่ชวนให้สงสัย "เครียดแฝง" มาฉายให้ชมกันครับ

          1) ปวดหัวหลังเลิกงาน  รวมถึงปวดหัวในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วย  ฟังดูอย่างหลังเป็นเวลาที่ไม่น่าจะปวดหัวแม้แต่น้อยแต่เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์อาการปวดหัวจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันได้อธิบายไว้น่าฟังว่าเกิดจากการที่ความเครียดตลอดสัปดาห์มาพบกับช่วง "ปลดปล่อย" เกิดการเปลี่ยนแปลงปุบปับที่ปรับตัวไม่ทันทำให้เกิดอาการไมเกรนได้  ดังนั้นคำแนะนำง่ายๆ คือให้ยึดเวลา "กินและนอน" ในวันหยุดให้เหมือนกับวันธรรมดาครับ

          2) ปวดกราม  เกิดอาการที่เรียกว่าข้อต่อกรามผิดปกติ (TMJ)  ซึ่งอาการนี้ทำให้หลายคนมาหาหมอด้วยความเข้าใจผิดว่าปวดหูหรือฟันแต่จริงแล้วมันเป็นที่ข้อต่อกรามแถวกกหู  โดยเรื่องนี้เกิดจาก "ความเครียด" ที่ไปทำให้กัดและขบฟันตอนกลางคืนโดยไม่รู้ตัวโดยทันตแพทย์ที่ปรึกษาจาก American Dental Association ได้แนะว่าให้หา "ฟันยางกันกัด (Mouth guard)" จากหมอฟันมาไว้ใช้  ซึ่งผมขอเสริมไว้อีกอย่างว่าควรแก้ที่ต้นเหตุเครียดด้วยจะช่วยได้มากครับ

          3) เหงือกพัง  ดูแล้วความเครียดมีผลต่อสุขภาพแถวปากพอดูครับ  เพราะจากการทบทวนการศึกษาที่ผ่านมาถึง 14 งานวิจัยพบว่ามนุษย์ที่สะสมเครียดไว้มากมีความเสี่ยงเกิดโรค "ปริทนต์" ได้สูงกว่าคนทั่วไป  ซึ่งเรื่องนี้อธิบายได้จาก "ฮอร์โมนเครียด (Cortisol)" ที่มีสูงขึ้นในร่างกายไปทำร้ายภูมิชีวิตจนทำให้อ่อนแอติดเชื้อง่าย มีเชื้อแบคทีเรียชนิดร้ายเข้ามาทำลายเหงือกจนทำให้อักเสบ โดยทางแก้เรื่องนี้ก็คือให้แปรงฟันดูแลช่องปากและนอนหลับให้พอต่อคืนจะช่วยลดเคมีเครียดได้ครับ

          4) สิวเห่อ ปรากฏการณ์เกิดสิวอีกครั้งไม่ใช่เรื่องของวัยกลับแต่เกี่ยวกับความเครียดลงผิวได้  โดยศาสตราจารย์คลินิกด้านตจวิทยาจากมหาวิทยาลัยเว้คฟอเรสต์ได้เผยว่าความเครียดทำให้เกิดไฟอักเสบที่ผิวได้และทำให้เกิดสิวในผู้ใหญ่ที่ต้องระวัง  ซึ่งเรื่องนี้มีทางช่วยได้ด้วยการทาโลชั่นที่มีกรดซาลิไซลิกช่วยลอกเซลล์เก่าและสารเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ที่ช่วยฆ่าเชื้อสิวอีกทั้งควรหามอยส์เจอไรเซอร์ชนิดไม่ก่อสิว (Noncomedogenic) มาช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวที่แห้งเพราะผ่านมรสุมชีวิตมาด้วยครับ

          5) ชอบกินหวาน  อาการ "หิวหวาน" อาจเกิดได้ในวันที่เป็น bad day ซึ่งการกินด้วยอารมณ์เป็นสิ่งที่ต้องระวังครับ เพราะมันทำให้เกิดผลร้ายกับสุขภาพตามมาอีกมาก หากท่านเป็นสาวๆที่ชอบกินหวานก็อย่าเพิ่งโทษว่ามาจากฮอร์โมนเสมอไป เพราะนิสัย sweet tooth มาได้จากฮอร์โมนเครียดเลยครับ จากการพิสูจน์โดยคณะวิจัยมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียที่ทำให้สตรีก่อนหมดประจำเดือนและหมดไปแล้วก็พบว่าอัตราการกินช็อกโกแลตไม่ได้ต่างกันหรือพูดง่ายๆว่าถึงหมดประจำเดือนก็ยังติดขนมได้อยู่ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าตัวการจริงๆ แล้วคือ "ความเครียด" มากกว่าที่ทำให้เราอยากหวานครับ

          6) คันผิว  อาการเครียดจนคันหรือคันเพราะเครียดนี้เคยเขียนเล่าไว้ว่า "เครียดลงผิว" ได้นะครับ  ซึ่งเรื่องนี้มีการเก็บข้อมูลที่ญี่ปุ่นในคนกว่า 2,000 คนที่ป่วยด้วยโรคคันผิวเรื้อรัง(Pruritus) แล้วพบว่ามนุษย์คันกลุ่มนี้มีความเครียดซุกอยู่ในหัวใจมากกว่าคนทั่วไปที่ไม่คันถึง 2 เท่า แต่ถึงอย่างไรก็ดีเรื่องนี้มองได้ 2 ด้านเช่นกันเพราะจากที่ผมเองพบคือคนไข้ที่เป็นผื่นคันเรื้อรังก็มีความกังวลล้นในหัวใจอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีครับ ตัวความเครียดเองมีส่วนที่กระตุ้นผื่นผิวหนังที่เป็นอยู่ให้กำเริบขึ้นและความเครียดมีผลต่อใยประสาทที่รับรู้อาการคันด้วยครับ

          7) ภูมิแพ้เป็นหนักขึ้น  ท่านที่มีอาการภูมิแพ้อยู่ดั้งเดิมแล้วอาจมีอาการป่วยหนักขึ้นได้เมื่อเครียด ซึ่งเรื่องนี้ได้ทดลองโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตทที่พบว่าเมื่อให้ทำแบบทดสอบที่กระตุ้นความเครียดแล้วปรากฏว่าคนป่วยแพ้มีอาการแสดงออกมามากขึ้น  ซึ่งเรื่องนี้อธิบายจากฮอร์โมนเครียดไปกระตุ้นการสร้าง "สารก่อแพ้(IgE)" ที่เป็นชนวนสำคัญทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ต่อมาอีกเป็นขบวน

          8) ปวดท้อง นอกจากความเครียดทำให้ปวดศีรษะได้แล้ว อาการปวดท้องที่เป็นๆหายๆของหลายคนอาจเกิดจากพิษเครียดที่ซุกอยู่ได้  โดยการศึกษาทั้งชายและหญิงปรากฏว่าคนที่มีระดับเครียดสูงจะมีโอกาสปวดท้องได้มากกว่าคนที่ผ่อนคลายกว่าถึง 3 เท่า! โดยกลไกนี้น่าจะมาจากการที่ "สมองกับไส้" เชื่อมโยงกัน  ซึ่งผมเคยเล่าเรื่องลำไส้ว่าเป็นเสมือนสมองที่ 2 เอาไว้แล้ว  โดยเมื่อไรที่สมองเครียดแล้วส่งสัญญาณไปก็จะทำให้ลำไส้รับรู้ไปด้วย และในขณะเดียวกันลำไส้ก็สามารถส่งเคมีที่เกี่ยวกับสมองได้ด้วย

          9) ฝันอุตลุด ความเครียดทำให้เราฝันแปลกหรือเลอะเทอะมากมายได้ ที่แย่หน่อยคือทำให้ตื่นอย่างไม่เต็มตาเพราะว่าฝันเสียเต็มหัวทั้งคืน เรื่องนี้นักจิตวิทยาระดับศาสตราจารย์ได้อธิบายไว้ว่าถ้าเหตุการณ์ปกติเราจะฝันไปเรื่อยๆโดยเป็นฝันที่ดีเป็นส่วนใหญ่และฝันบวกเช่นนี้ไปจนตื่นขึ้นมาด้วยอาการสดชื่น แต่ในเวลาที่เครียดเราจะ กระสับกระส่ายตื่นมาบ่อยกลางดึกทำให้ฝันนั้นถูกรบกวนจนทำให้มันกลายเป็นฝันที่ไม่พึงปรารถนาไป ซึ่งมีเทคนิคง่ายๆ แก้คือให้เข้านอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมงและไม่ดื่มกาแฟ หรือแอลกอฮอล์ก่อนนอนครับ

          10) ปวดประจำเดือน จนถึงเมนส์มาไม่ปกติ เรื่องนี้ผมเองพบในคนไข้ที่มาหาบ่อยด้วยชีวิตคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้พักผ่อน ต้องนอนดึก อยู่กับความเครียด ทำให้มีผลต่อฮอร์โมนคุมประจำเดือนที่มีตาน้ำอยู่ในสมอง  ซึ่งจากการสำรวจของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยว่าสาวๆ ที่สะสมความเครียดไว้สูงมีโอกาสปวดประจำเดือนมากกว่าสาวไม่เครียดถึง 2 เท่า ซึ่งเรื่องนี้ผมขอแนะนำว่าให้ "ออกกำลัง" เพราะจะช่วยคุมฮอร์โมนและช่วยปรับประสาทอัตโนมัติให้ได้ครับ

          จะเห็นว่าทั้งหมดที่เล่ามาเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ซึ่งในหลายคราวที่มันทำให้เราต้องตระเวนรักษาไปอย่างไม่สิ้นสุด เช่น โรคภูมิแพ้, ปวดท้อง, นอนไม่หลับ, ปวดประจำเดือน ฯลฯ ทั้งที่แค่เพียงแก้เรื่องเครียดให้ได้ก็อาจช่วยให้ดีขึ้น โดยยังมีอาการอื่นๆ ที่อาจผุดขึ้นมาจากความเครียดสะสมได้อีกเป็นต้นว่า น้ำหนักตัวขึ้นๆ ลงๆ, มีอารมณ์หงุดหงิดง่ายขึ้นและบางท่านมีอาการขากระตุกตอนนอน หรือเป็นตะคริว ซึ่งเหล่านี้มีส่วนโยงได้กับตัวการแห่งความเครียดในหัวใจได้หมด

          ลดเครียดได้เท่ากับไกลโรคครับ.

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา วันที่ 12 กรกฏาคม 2559