เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง Health Me HEALTH: เป็นภูมิแพ้... ต้องแก้ที่ภูมิคุ้มกัน




          สาเหตุของโรคภูมิแพ้ พญ.กฤดากร เกษรคำ จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) กล่าวว่า ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของคนเราที่บกพร่อง ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านหรือแพ้สารที่ปกติไม่ควรแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ นมวัว เป็นต้น โดยอาการภูมิแพ้ต่างๆ เกิดจากเซลล์ภูมิคุ้มกัน ถูกกระตุ้นให้สร้างสารแอนติบอดีมา จับกับสารนั้น ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีลูกโซ่นำไปสู่อาการผิดปกติที่รู้สึกได้ที่เรียกว่าอาการภูมิแพ้ ซึ่งจะมีทั้งคัดจมูกน้ำมูกไหล ไซนัสอักเสบ ขอบตาดำคล้ำ อาการคันที่ผิวหนัง จมูก ตา มีผื่น รอยแดง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ร่างกายบวมน้ำ ปวดศีรษะไมเกรน ปวดหลัง ปวดข้อ เหล่านี้ เป็นต้น

          พญ.กฤดากร กล่าวว่า โรคภูมิแพ้จะมีอยู่ 2 แบบ โดยแบ่งตามกลไกการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารที่แพ้ดังนี้ แบบ 1 ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นแล้วหลั่งสารแอนติบอดีชนิด IgE กลไกนี้ทำให้อาการแพ้เกิดรวดเร็ว อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เช่น แพ้กุ้งจนหลอดลมบวม ความดันตกช็อกเสียชีวิต ทั้งนี้กลไกการแพ้แบบนี้เมื่อร่างกายสัมผัสสารที่แพ้ก็จะมีอาการภูมิแพ้ ทำให้จับต้นเหตุได้ง่ายว่าแพ้อะไร

          แบบ 2 ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นแล้วหลั่งสารแอนติบอดีชนิด IgG กลไกนี้ทำให้เกิดอาการแพ้ที่ไม่เฉพาะ เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ร่างกายบวมน้ำ ปวดศีรษะไมเกรน ปวดหลัง ปวดข้อ สมาธิสั้น เรียกภูมิแพ้แฝง ทำให้สังเกตได้ยากว่าแพ้อะไร ต้องใช้การตรวจเลือดจึงจะรู้ว่าแพ้อะไรบ้าง ทว่าการแพ้ชนิดนี้มักมีสาเหตุจากลำไส้รั่ว (Leaky Gut) ลำไส้อักเสบ ต้นเหตุจากการกินยาฆ่าเชื้อบ่อย ลำไส้เสียสมดุลมีแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ (Probiotic) น้อยเกินไป ทำให้กินอาหารที่ไม่เคยแพ้ก็จะมีอาการแพ้ดังกล่าวได้

          "ปัจจุบันคนเป็นโรคภูมิแพ้กันมากจากการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล กินผักผลไม้น้อยเกินไป ซึ่งผักผลไม้จำเป็นต่อการรักษาสมดุล Probiotic การกินยาแก้อักเสบบ่อยเกินจำเป็น ยาแก้อักเสบจะฆ่า Probiotic ด้วย ทำให้ยิ่งกินยาแก้อักเสบยิ่งป่วย กินหวานจัด ดื่มแอลกอฮอล์ นอนดึก เครียด พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ป่วยง่าย แพ้โน่นแพ้นี่ไปหมด"

          กระบวนการรักษา พญ.กฤดากร กล่าวว่า เริ่มต้นต้องหาว่าแพ้อะไรบ้าง โดยตรวจปฏิกิริยาทางผิวหนังและการตรวจเลือด ระดับความรุนแรงการแพ้เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป แต่สำหรับแพทย์ด้านแอนไทเอจจิ้งจะมุ่งเน้นที่การเสริมระบบภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายให้แข็งแรงสมดุล ซึ่งการรักษาต้องเริ่มที่ระดับเซลล์ โดยมีวิธีปฏิบัติตนดังนี้

          1.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชม.

          2.ออกกำลังกายอย่างพอดี เฉลี่ย 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง

          3.กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่หวานจัด มันจัด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

          4.ไม่ควรซื้อยาแก้อักเสบกินเอง อาจทำให้ใช้ยาแก้อักเสบมากเกินจำเป็น นอกจากทำให้เชื้อดื้อยาแล้วยังทำให้ลำไส้ไม่แข็งแรง มี Probiotic ไม่เพียงพอ ภูมิคุ้มกันโดยรวมยิ่งอ่อนแอ

          5.ลดการกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกัน คือ หลีกเลี่ยงสัมผัสสารที่แพ้ หรือกินอาหารที่แพ้ จัดสภาพแวดล้อมห้องพักอาศัยให้เหมาะสม สะอาดปราศจากสารแพ้ให้มากที่สุด

          6.ปรับเสริมเซลล์ภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสมดุล เช่น เสริมวิตามิน แร่ธาตุ ฮอร์โมนต่างๆ อย่างเหมาะสม การรักษาด้วยเลเซอร์บำบัด (Medical laser) และการปรับเม็ดเลือดขาวด้วยแสงอัลตราไวโอเลต เป็นต้น

          7.ปรับสมดุลพลังงานร่างกายกับ สารต่างๆ ที่แพ้ให้เข้ากันได้ เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารที่เราแพ้ได้ทั้งหมด ที่สำคัญต้องรักษาระบบภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายให้แข็งแรง สมดุล ไม่ไวต่อ สารกระตุ้นภูมิแพ้ เพราะสารที่แพ้มัก เป็นสารที่อยู่รอบตัวเรา ยากที่จะหลีก เลี่ยงได้

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 24 พฤษภาคม 2559