เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง เกษตรกรรุ่นใหม่...จากมนุษย์เงินเดือน สู่ความสำเร็จกับอาชีพเลี้ยงโคนม



tmp_20151211102116_1.jpg


          คนเกษตร/รายงาน

          ปัจจุบันการเลี้ยงโคนมในบ้านเราพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเลี้ยงไว้เพื่อบริโภคที่บ้าน เป็นการรีดเพื่อจำหน่ายในชุมชน กระทั่งมีการรีดเพื่อส่งสหกรณ์โคนมในพื้นที่ต่างๆ วันนี้จะพามารู้จักกับเกษตรกรคนเก่ง  นุสรา รุนสูงเนิน เจ้าของสุขเจริญทรัพย์ฟาร์ม ตั้งอยู่เลขที่ 62/36 หมู่ 15 ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเกษตรกรโคนมรุ่นใหม่ดีเด่น ประจำปี 2557 จากกรมปศุสัตว์ ที่เรียกได้ว่าเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ผันตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นเกษตรกรเลี้ยงโคนม

          นุสรา เล่าว่า ตนเองเคยเป็นพนักงานตรวจสอบคุณภาพน้ำนมของสหกรณ์โคนมสอยดาว จำกัด จึงคุ้นเคยและรู้วิธีการเลี้ยงโคนมที่ถูกต้องเป็นอย่างดี ขณะที่ ธนชาต สุขเปรมปรี ผู้เป็นสามี มีอาชีพทำไร่และดูแลฟาร์มโคนมของพ่ออยู่แล้ว ต่อมาได้กู้ยืมเงินจำนวน 30,000 บาท เพื่อที่จะนำเงินมาประกอบอาชีพเสริม ขณะนั้นก็คุยกับสามีว่าจะทำอะไรดีที่เป็นอาชีพที่ทั้ง 2 คนรัก และสามารถทำให้เงินจำนวนนี้งอกเงย จากที่ช่วยกันคิดอยู่หลายอาชีพ กระทั่งตัดสินใจกันว่าจะทำอาชีพเลี้ยงโคนม โดยเริ่มจากการซื้อแม่โคนมมาเลี้ยง 1 ตัว เพียงเดือนแรกทั้ง 2 คน ก็พอใจในผลงานและผลผลิตที่แม่โคให้ ที่สำคัญ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสุขเจริญทรัพย์ฟาร์ม ฟาร์มโคนมที่สร้างรายได้ให้นุสราอย่างมั่นคง แตกต่างจากการทำไร่ที่ครอบครัวทำอยู่เดิม ที่ไม่สามารถควบคุมราคาและยังต้องเสี่ยงกับสภาพอากาศไม่สามารถคาดเดา

          "แม้ว่าจะรู้วิธีการเลี้ยงโคนมอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะทำฟาร์ม เรา 2 คนก็ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำให้รู้ว่า การเลี้ยงโคนมสามารถควบคุมและวางระบบได้ ทั้งการให้อาหาร การดูแลสุขภาพ การจดบันทึก เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ ทำให้สามารถปรับปรุงและแก้ไข ให้การเลี้ยงมีประสิทธิภาพมากขึ้น" นุสรา กล่าว

          นุสราบอกอีกว่า จุดที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือ เรื่องความสะอาดและสิ่งแวดล้อมในโรงเรือน หากทำตรงนี้ได้ดีแล้ว ก็จะสามารถลดปัญหาที่จะตามมา เช่น แมลงและโรคต่างๆ ดังนั้น เธอจึงใส่ใจกับการออกแบบโรงเรือน เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บมูลของโค และการทำความสะอาดโคแต่ละตัวด้วย ฟาร์มนี้จึงจัดวางพื้นที่เลี้ยงเป็น 2 ระดับ เพื่อแยกเป็นพื้นที่นอนและพื้นที่สำหรับขับถ่าย ทำให้ฟาร์มแห่งนี้มีสภาพโรงเรือนที่สะอาด แม่โคก็สามารถให้ผลผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ

          ด้วยความเชื่อมั่นและมั่นใจในคุณภาพของน้ำเชื้อโคพ่อพันธุ์ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซีพีเอฟ ที่สามารถปรับปรุงสายพันธุ์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมได้เป็นอย่างดี ทำให้วันนี้ สุขเจริญทรัพย์ฟาร์มสามารถขยายการเลี้ยงโคนมเป็น 36 ตัว แบ่งเป็นโค 25 แม่รีด ที่เหลือเป็นโคพักรีด โคสาวทดแทนและลูกโคด้วย สำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงโคนม ก็เลือกใช้อาหารข้นสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงโคนมโดยเฉพาะของซีพีเอฟ ซึ่งได้คิดค้นสูตรอาหารที่มีโปรตีนเหมาะกับโคนมแต่ละช่วงอายุ และสิ่งที่สำคัญคือได้รับองค์ความรู้จากซีพีเอฟที่คอยให้คำปรึกษา โดยฟาร์มจะเป็นผู้คิด และวิเคราะห์จากข้อมูลที่เก็บได้ และซีพีเอฟเป็นผู้ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในการเลี้ยงถึงแนวทางการปฏิบัติอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง รวมถึงคำแนะนำจากหน่วยงานราชการ

          สุขเจริญทรัพย์ฟาร์ม สามารถผลิตน้ำนมดิบได้มากกว่า 300 กิโลกรัมต่อวัน หรืออัตราการให้น้ำนมเฉลี่ย 14-15 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน และในอนาคตก็มีแผนขยายฟาร์มและนำระบบรีดนมอัตโนมัติ (pipe line) มาใช้ เพื่อประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดนม รวมถึงการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่าอีกทั้งยังจะขยายตลาดโดยการสร้างนมสดในแบรนด์ของตัวเอง ส่งตรงถึงผู้บริโภคอีกด้วย

          ทั้งนี้ ตลาดรับซื้อน้ำนมดิบ ส่วนใหญ่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์โคนมจะมีตลาดรองรับที่แน่นอน โดยราคารับซื้อจะอิงราคากลางที่ทางรัฐบาลเป็นผู้กำหนด การที่จะเป็นเกษตรกรโคนมรุ่นใหม่ที่ดีและประสบความสำเร็จได้ ต้องมีการวางแผนที่รอบคอบทั้งด้านการเงิน และการจัดการภายในฟาร์ม เพราะทุกอย่างสอดคล้องและเชื่อมโยงกัน และสิ่งสำคัญในการทำฟาร์ม คือตัวเรา ถ้าไม่รู้จักป้องกันหรือใช้ความระมัดระวัง ผลลัพธ์ที่เกิดจากสิ่งที่เรากระทำ จะเหมือนเงาติดตามตัว ดังนั้นถ้าจะประสบความสำเร็จในชีวิต จะต้องมีใจรักในอาชีพที่ทำและมีวินัย เพราะหากสามารถรักษาคุณภาพน้ำนมได้ดี คนรับซื้อก็อยากซื้อและให้ราคาดี

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก  :  เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558