เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง เรียนกินและนอนฟรีแถมปัจจัยการผลิตติดมือกลับบ้าน



tmp_20150209140449_1.jpg


Source - เดลินิวส์ 8 ส.ค. 2558 

          ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร เปิดโครงการฝึกอบรมให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจโดยทั่วไปใน 3 หลักสูตร "การเลี้ยงสัตว์สามดำมหัศจรรย์"  ประกอบด้วย ไก่ดำ  หมูดำ  และวัวดำ ในระหว่างวันที่ 31 ส.ค. -1 ก.ย. 58 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  รับหลักสูตรละ 30 คน


          โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมใด ๆ ทั้งสิ้น  ฟรีค่าลงทะเบียน ฟรีค่าที่พัก และฟรีค่าอาหาร แถมรับพันธุ์สัตว์และปัจจัยการผลิตติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเป็นทุนเริ่มต้นในการเพาะเลี้ยงแบบฟรี ๆ เช่นกัน  โดยทั้ง 3 หลักสูตรจะเปิดรับสมัครหลักสูตรละ 30 คน โดยอบรม พร้อม ๆ กันแบบแยกห้อง ฉะนั้นผู้เข้ารับการอบรมมีสิทธิเลือกเข้าอบรมได้เพียงชนิดสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น


          สำหรับไก่ดำภูพานนั้นเป็นสายพันธุ์หนึ่งของไก่ดำ ที่ปรับปรุงพันธุ์จากไก่ดำประเทศจีน และจดสิทธิบัตรที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา และขึ้นทะเบียนพันธุ์สัตว์กับกรมปศุสัตว์เรียบร้อยแล้ว นับเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีความต้องการในตลาดประเทศจีน ที่มีความเชื่อในสรรพคุณทางยา ไก่ดำเป็นไก่ที่มีองค์ประกอบ คือ ขนดำ หนังดำ เล็บดำ เนื้อเทาดำ และกระดูกก็สีเทาดำ


          ส่วนสุกรดำหรือสุกรสายพันธุ์ภูพานนั้น เกิดจากการปรับปรุงสายพันธุ์สุกร ให้มีลักษณะเฉพาะตามความต้องการของเกษตรกรประเทศ ไทย คือ ให้ลูกดก ขนาดกะทัดรัด  เลี้ยงง่าย  มันน้อยเนื้อมาก  สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพการเลี้ยงของเกษตรกรได้ โครงการศึกษานี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2545 ที่ผ่านมา โดยใช้สุกร 3 พันธุ์  คือ  พันธุ์เหมยซาน พันธุ์พื้นเมือง และพันธุ์ดูร็อคเจอร์ซี่ มาผสมกันตามแผนการผลิต  แล้วทำการคัดสายพันธุ์ และปรับปรุงจนได้ลูกสุกรพันธุ์ภูพาน ที่มีลักษณะเฉพาะประจำท้องถิ่น ตรงตามความต้องการของเกษตรกร และนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้มาอย่างต่อเนื่องจวบจนทุกวันนี้


          และวัวดำ หรือโคทาจิมะภูพาน เป็นสายพันธุ์หนึ่งของโคพันธุ์หวากิว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตเนื้อมีคุณภาพสูงที่สุด มีคุณภาพซากสูงกว่าทุกสายพันธุ์ เป็นที่รู้จักในชื่อ โกเบ บีฟ และ มัตซึซากะ บีฟ ถือว่าเป็นโคที่ให้เนื้อมีคุณภาพดีที่สุดในโลก โดย โคทาจิมะ เข้ามาสู่ประเทศไทยในปี 2531 จากที่สมาคมผู้เลี้ยงโคหวากิว เมืองโฮซากา ประเทศญี่ปุ่น น้อมเกล้าฯ ถวายโคหวากิว สายพันธุ์ทาจิมะ ให้กับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 1 คู่ จากนั้นได้มีการพัฒนาพันธุ์  จนได้โคทาจิมะภูพานที่แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นเองก็ยังทึ่งในความสำเร็จนี้  ด้วยเป็นโคที่สามารถเลี้ยงได้ดีกับสภาพพื้นที่ของประเทศไทย  โดยการให้อาหารและการจัดการโคแบบญี่ปุ่นประยุกต์  คือให้อาหารที่ผสมเอง เป็นหญ้าสดพันธุ์ที่กรมปศุสัตว์ให้การส่งเสริมทั่วไป และใช้ข้าวหมัก(สาโท) ทดแทนเบียร์ ให้กิน เพื่อพัฒนาระบบกล้ามเนื้อและโลหิต พร้อมเปิดเพลงหมอลำกล่อมแทนเพลงคลาสสิกแบบญี่ปุ่นที่ใช้เลี้ยงโคหวากิว สายพันธุ์ทาจิมะ


          ซึ่งผลสำเร็จนี้ นักวิจัยชาวญี่ปุ่นยังต้องทึ่งเมื่อเห็นการประยุกต์เลี้ยงแบบไทยแล้วทำให้ได้เนื้อโคขุนในระดับคุณภาพเกรด 3.5-4.5 ไม่แพ้โคทาจิมะสายพันธุ์แท้ของประเทศญี่ปุ่นแต่ประการใด ทำให้ชาวบ้าน และนักลงทุนที่มีต้นทุนสูงหันมาลงทุนเลี้ยงโคทาจิมะภูพานมากขึ้นในปัจจุบัน


          สำหรับเกษตรกรและผู้ที่สนใจเข้าอบรมทั้ง 3 หลักสูตรนี้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  บ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตร.