เกร็ดน่ารู้ เรื่อง ทุเรียนในเวียดนาม
Source - เดลินิวส์
ทุเรียนเป็นคำที่มาจากภาษามาเลย์ คือคำว่า ดูรี แปลว่า หนาม ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนำทุเรียนมาทำอาหารได้หลายอย่างทั้งเป็นอาหารคาวและอาหารหวาน แม้แต่เมล็ดก็ยังนำมารับประทานได้เมื่อทำให้สุก
ทุเรียนมีปลูกในหลายประเทศของเอเชีย ส่วนที่ปลูกในเวียดนามเป็นการนำเข้าไปจากประเทศไทยและฟิลิปปินส์เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเวียดนาม โดยมีการเพาะปลูกมากทางตอนใต้ของประเทศในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เช่นที่ เบนเตร เทียนเกียง และทางตะวันออกเฉียงใต้ได้ที่ดองไน
ทุเรียนที่พบในเวียดนามมีหลายสาย พันธุ์ทั้งพันธุ์พื้นบ้าน และพันธุ์ที่นำเข้าไปจากประเทศไทย ได้แก่ หมอนทอง ซึ่งพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการรับประทานภายในประเทศคือพันธุ์พื้นบ้าน ส่วนหมอนทองปลูกเพื่อเก็บผลผลิตแล้วส่งออกตลาดใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน โดยหมอนทอง 90% ของผลผลิตในแต่ละปีจะส่งออกและอีก 10% ใช้บริโภคภายในประเทศและบางส่วนก็ส่งขายที่กัมพูชา ปัจจุบันหลายฝ่ายคาดกันว่าในพื้นที่เวียดนามทางตอนใต้น่าจะมีพื้นที่ปลูกทุเรียนไม่น้อยกว่า 50,000 ไร่
ส่วนพื้นที่ปลูกทุเรียนในประเทศเวียดนามที่ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี คือ บริเวณปากแม่น้ำโขง นครโฮจิมินห์ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวทางการเวียดนามได้จัดตั้งศูนย์วิจัยเกี่ยวกับทุเรียนเพื่อทำงานด้านวิชาการและขยายผลสู่การเพาะปลูกของเกษตรกรอีกด้วย
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะตัวซึ่งเป็นส่วนผสมของสารระเหยที่ประกอบไปด้วย เอส เทอร์คีโตนและสารประกอบกำมะถัน บางคนบอกว่าทุเรียนมีกลิ่นหอม แต่บางส่วนบอกว่ามีกลิ่นเหม็น เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ประกอบด้วยกำมะถันและคอเลสเตอรอล ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้ร้อนในและรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
ทุเรียนเป็นพืชที่รู้จักในโลกตะวันตกมากว่า 600 ปี มีมากกว่า 30 ชนิด มี 9 ชนิดที่รับประทานได้ สำหรับในประเทศไทยพบทุเรียนอยู่ 5 ชนิดคือ ทุเรียนรากขา ทุเรียนนก ทุเรียนชาเรียน ทุเรียนป่า และ ทุเรียนดือ ส่วนที่มีชื่อเรียกขานกันมากมายในขณะนี้ของทุเรียนไทยนั้นก็ต่างพัฒนาพันธุ์มาจากทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมานี้แทบทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามแม้เวียดนามจะผลิตทุเรียนและผลไม้หลายชนิดได้เอง กว่า 7 ล้านตันในแต่ละปีแต่ก็ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีขายในตลาดท้องถิ่นแทบทุกแห่ง รวมถึงในซูเปอร์มาร์เกต โดยนำเข้ามากที่สุดมาจากประเทศจีนกว่าร้อยละ 50 ของผลไม้ที่นำเข้า รองลงมาคือไทยมีมากกว่าร้อยละ 15 และสหรัฐอเมริการ้อยละ 12 โดยผลไม้ที่นำเข้าจากไทยประกอบด้วย มะม่วงทานดิบ มังคุด มะขาม ลางสาด และ ลองกอง.