เกร็ดน่ารู้ เรื่อง แนะเคล็ดลับสาวๆกินอย่างไรให้ไร้พุง
โดยเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ซ.ม. จะเพิ่มโอกาสเกิดโรคเบาหวาน 3-5 เท่า
แค่ไหนจึงเรียก "ภาวะอ้วนลงพุง"ภก.เศกสุข เกษมสุวรรณ ผอ.ฝ่ายการตลาดบริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด กล่าวว่า ผู้ชายวัดรอบเอวได้มากกว่า 90 ซ.ม. ผู้หญิงวัดรอบเอวได้มากกว่า 80 ซ.ม. และมีปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 ต่อไปนี้ 1.ความดันโลหิตสูงกว่า 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป 2.น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป 3.ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป 4.ระดับไขมันเอชดีแอลคอเลสเตอรอลน้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ไทยพบภาวะอ้วนลงพุง ในผู้ชายร้อยละ 24 ผู้หญิงพบร้อยละ 34.2 ปัจจัยคืออายุมากขึ้น เป็นคนอ้วนมาก่อน คนในครอบครัวเป็นเบาหวาน มีความดันโลหิตสูง
การลดน้ำหนักและออกกำลังกายเป็นวิธีที่สำคัญ คนที่มีพุงเกินควรลดอาหารประเภทไขมันอิ่มตัว รับประทานอาหารที่มีกากใยแทน เช่น ธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก ลดอาหารเค็ม เพิ่มอาหารที่ช่วยป้องกันโรคได้ อาทิ น้ำมันปลา โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 โคเอนไซม์ เป็นต้น
การลดน้ำหนักลงอย่างน้อยร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักตัว จะช่วยชะลอความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังได้
ประเภทของพุงนั้นมาจากสาเหตุและมีวิธีลดพุงที่ต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทบ่งบอกถึงสุขภาพดังนี้
1.แบบสแปร์ ไทร์ (The Spare Tire) มักจะมีอยู่ในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งตลอดวัน และรับประทานของหวานมากเกินไป ทำให้มีไขมันส่วนเกินสะสมที่ขาและสะโพก พุงแบบนี้ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลี่ยงอาหารไขมันต่ำ ควรรับประทานอาหารที่มี ไขมันดี เช่น โอเมก้า 3 หรือไขมันไม่อิ่มตัว
2.แบบลิตเติ้ลพุช (The Little Pooch) มักเกิดในผู้หญิงที่ทำงานยุ่ง ติดอยู่กับการกินอาหารและออกกำลังกายเดิมๆ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยการซิตอัพ เพราะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องยื่นออกมา ควรทานอาหารที่มีโภชนาการที่ดีและไฟเบอร์
3.แบบสเทรสทัมมี่ (The Stress Tummy) มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ภาวะลำไส้แปรปรวน ทำให้ท้องอืดและดูใหญ่ขึ้น ควรกินอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า ควรลดความเครียดด้วยการฝึกหายใจลึกๆ ทำสมาธิ รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 10 สิงหาคม 2558
