เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง กินอยู่รู้ทันเบาหวาน



tmp_20151905101329_1.jpg


          โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus หรือ Diabetes หรือเรียกย่อว่า DM) หนึ่งโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด และมีแนวโน้มของผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

          ในกระแสโลกด้านการแพทย์และสาธารณสุขได้มีการจัดอันดับว่า เบาหวาน เป็นสาเหตุการตายอันดับที่ 4 โดยในทุก ๆ 8 วินาทีจะมีคนเสียชีวิตจากโรคเบาหวานและโรคแทรกซ้อนของเบาหวาน

          จากข้อมูลพบว่าขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคเบาหวานกว่า 284 ล้านคน และ คาดว่าภายในปี 2573 จะมีผู้ป่วยสูงขึ้นถึง 438 ล้านคน คือ เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 50% ในขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยโรค เบาหวานในประเทศไทย ล่าสุดพบว่า มีผู้ป่วย 7% หรือประมาณ 4.7 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งประเทศ และพบมากที่สุดในกลุ่ม อายุ 40-60 ปี ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยในเขตเมืองมากกว่าชนบท เนื่องจากอาหารการกิน ความเครียด และ สภาพแวดล้อมที่มีส่วนส่งผลต่อการเกิดโรค

          ความรุนแรงของโรคเบาหวานขึ้นอยู่กับผลของการควบคุมโรค คือ การควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือใกล้เคียงเกณฑ์ปกติมากที่สุด ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องดูแลรักษาควบคุมโรคตลอดชีวิต ส่วนผลข้างเคียงที่สำคัญของโรค เบาหวานก็คือ การอักเสบของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทุกชนิดในร่างกาย และที่สำคัญคือ การอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งจะ ส่งผลให้หลอดเลือดต่าง ๆ ตีบแคบลง เป็นสาเหตุให้เกิดการขาดเลือดของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่มาของโรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงแข็ง และภาวะเบาหวานขึ้นตา เป็นต้น เมื่อเกิดแผลก็จะหายช้า โดยเฉพาะแผลบริเวณเท้า ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องก็อาจรุนแรงถึงขั้นต้องตัดขาได้ นอกจากนี้โรคเบาหวานยังส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ของร่างกายลดลงมากกว่าคนปกติทั่วไป จึงมีโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย และมักรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต

          โรคเบาหวานจึงจัดเป็นปัญหาที่บั่นทอนสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการรณรงค์เรื่องการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน แต่ก็ยังพบว่าจำนวนผู้ป่วยเบาหวานมีเพิ่มมากขึ้น ในด้านการรักษา ปัจจุบันมีทั้งการใช้ยาแผนปัจจุบัน และการใช้ยาสมุนไพรในการดูแลรักษาเยียวยาผู้ป่วยกลุ่มนี้

          โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ได้มีการรวบรวมองค์ความรู้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย และการศึกษาวิจัยสมุนไพร เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้

          การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สม่ำเสมอของผู้ป่วยเบาหวานนั้น ต้องมีการปรับพฤติกรรมหลายอย่าง เช่น การออกกำลังกาย เพื่อให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น และช่วยควบคุมน้ำหนัก การรับประทานอาหาร เพื่อให้ได้พลังงานและผลดีต่อสุขภาพ การรับประทานยาอย่างถูกต้อง และการใช้สมุนไพรอย่างเหมาะสม

          โดยหลักการเลือกอาหารเพื่อสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน ก็คือ

          - การรับประทานอาหารให้ถูกส่วนมีการคำนวณแคลอรีของอาหารที่ รับประทาน มีการลดอาหารพวกไขมัน แป้ง น้ำตาล ส่วนโปรตีนนั้นรับประทานได้ ยกเว้นคนที่เป็นโรคไต ต้องมีการจำกัดการรับประทานโปรตีนด้วย

          - การรับประทานอาหารจำพวกเส้นใย อาหารที่มี เพคตินสูง เพื่อดูดซับน้ำตาลและไขมัน ช่วยทำให้เลือดสะอาด และลดคอเลสเตอรอล โดยอาหารที่มีเพคตินสูงและเส้นใยสูง เช่น ถั่ว ข้าวกล้อง แอปเปิ้ล ฝรั่ง ตำลึง เป็นต้น

          - การรับประทานอาหารที่เพิ่มการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดเล็ก ๆ ที่เลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย เช่น ใบบัวบก ใบแปะก๊วย

          - การรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น เพิ่มการชะลอความเสื่อมของเซลล์ เช่น กระเทียม กะเพรา ขิง ขมิ้นชัน

          - การรับประทานอาหารที่มีเกลือแร่และวิตามิน ซึ่งพบว่าเกลือแร่หลายชนิดมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน โดยจะทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และไขมันได้ดีขึ้น ช่วยในการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง โครเมี่ยมมีมากในใบยอ หน่อไม้ฝรั่ง พริกไทยดำ เมล็ดธัญพืช บรอกโคลี โกโก้ ตับ หอยนางรม

          - ลูเที่ยน (Lutein) เป็นสารบำรุงสายตา ปกป้องเซลล์ โดยทั่วไปแล้วจะมีมากในผลไม้สีส้ม หรือสีเหลือง และผักใบเขียวเข้ม

          - แมกนีเซียม (Magnesium) ช่วยในการทำงานของเซลล์ระบบประสาท โดยจะมีในผักใบเขียวที่มีคลอโรฟิลล์เป็นส่วนประกอบ

          นอกจากนี้ยังมีอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานอีกหลายชนิด เช่น แคลเซียม น้ำมันปลา โสม และที่สำคัญคือ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับเบาหวานอย่างมีความสุข

          สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวความรู้ และวิธีรับมือกับโรคเบาหวาน อย่างถูกต้อง สามารถลงทะเบียนร่วมงานเสวนาวิชาการ "กินอยู่แบบรู้ทันเบาหวาน" ได้ฟรี ที่ศูนย์สารสนเทศสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โทร 037-211-289 ในวันเวลาราชการ หรือ www.facebook.com/abhaiherb โดยงานจะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ณ ห้องประชุม ออดิทอเรียม ชั้น 6 อาคารปฏิบัติการวิทยุและโทรทัศน์ อสมท


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 18 - 20 พ.ค. 2558