เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง ป่วยโรคกระเพาะงดกาแฟ เสี่ยงปวดแสบท้อง-ความดันสูง



tmp_20151905100221_1.jpg


          กรมอนามัย เตือนผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหารควรงดดื่มกาแฟ เพราะจะทำให้ปวดแสบกระเพาะมากขึ้น พร้อมแนะคนอ้วนควรดื่มแก้วเล็กปริมาณน้อย หรือกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล ลดความเสี่ยงอ้วนลงพุง

          ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีสารกาเฟอีนในหนึ่งวันไม่ควรรับสารกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายเกิน 200 มิลลิกรัม เมื่อเทียบต่อแก้วไม่ควรดื่มเกินวันละ 3 แก้วในปริมาณดังกล่าวกำลังพอเหมาะสำหรับการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว แต่ถ้ามากกว่านี้จะทำให้เกิดอาการมือสั่น ใจสั่น หงุดหงิด และกระวนกระวาย ผลกระทบต่อร่างกายเมื่อได้รับสารกาเฟอีน อาทิ ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ถ้าได้รับในปริมาณพอควรจะไปกระตุ้นประสาทให้ตื่นตัว มีผลทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตาสว่าง หายง่วง แต่ถ้ารับในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย หงุดหงิด ในระบบทางเดินอาหารจะช่วยให้มีการหลั่งน้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น แต่ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ ควรงดเพราะจะทำให้ปวดแสบกระเพาะมากขึ้น ผลต่อระบบการไหลเวียนของโลหิตคือหากดื่มกาแฟ 2 ถ้วยจะทำให้ความดันโลหิตสูง แต่ถ้าดื่มมากๆ มีผลทำให้หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งจะเพิ่มการขับปัสสาวะ เมื่อดื่มกาแฟไปแล้วประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง กาเฟอีนจะออกฤทธิ์และภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมง สารกาเฟอีนกว่าครึ่งจะถูกขับออกจากร่างกายพร้อมกับปัสสาวะ

          อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า หากดื่มกาแฟในปริมาณที่มากเกินไป และไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดีอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะเนื่องจากกาแฟเย็น 1 แก้ว มีขนาดบรรจุ 13-20 ออนซ์หรือเทียบเท่า 400-600 มิลลิลิตร จะให้พลังงาน 97-400 กิโลแคลลอรี่, ไขมัน 0.4-22.1 กรัม, โปรตีน 0.6-10.9 กรัม,คาร์โบไฮเดรต 19.4-49.4 กรัม และน้ำตาล 11-38 กรัม ปริมาณพลังงานของกาแฟแต่ละแก้วขึ้นอยู่กับสูตรและขนาดบรรจุ ปัจจุบันประชาชนนิยมดื่มกาแฟ 3 สูตรด้วยกัน ได้แก่  มอคค่า ลาเต้ และคาปูชิโน มอคค่าเป็นกาแฟที่มีพลังงานมากกว่าลาเต้และคาปูชิโน จากการเก็บตัวอย่างกาแฟมาตรวจโดยสำนักโภชนาการ กรมอนามัย พบว่า ในขนาดบรรจุ 16 ออนซ์ กาแฟมอคค่ามีพลังงาน 238 กิโลแคลอรี่ มีน้ำตาล 26 กรัม กาแฟคาปูชิโนมีพลังงาน 200 กิโลแคลอรี่ มีน้ำตาล 28 กรัม ส่วนลาเต้มีพลังงาน 156 กิโลแคลอรี่ มีน้ำตาล 22 กรัม นอกจากนี้ยังพบว่า กาแฟสูตรเอสเปรสโซ่หรืออเมริกาโนมีพลังงานน้อยที่สุดเนื่องจากเป็นกาแฟที่ไม่ใส่นมและน้ำตาล ส่วนกาแฟเย็นที่มีพลังงานมากที่สุดคือกาแฟมอคค่า มีพลังงาน 400 กิโลแคลอรี่ต่อแก้วขนาด 20 ออนซ์

          "ทั้งนี้ การดื่มที่ไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพสามารถทำได้โดยปฏิบัติให้เหมาะกับภาวะสุขภาพของ แต่ละคน ผู้ที่มีปัญหาอ้วนลงพุงหรือโรคเบาหวานต้องจำกัดปริมาณโดยเลือกขนาดบรรจุเล็กๆ ส่วนผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพควรจะป้องกันไว้ก่อนโดยไม่ดื่มกาแฟเย็นพร้อมกับขนมหวานหรือเบเกอรี่ เพราะจะทำให้เพิ่มพลังงานให้มากขึ้น หรือเมื่อดื่มกาแฟเย็นแล้วอาจลดอาหารหวาน มัน หรืออาหารทอดในมื้ออาหารหลักลง เพื่อไม่ให้ผู้ที่นิยมดื่มกาแฟเย็นมีความเสี่ยงที่จะได้รับพลังงานเกิน นอกจากนี้การออกกำลังกายก็สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินที่ได้จากการบริโภค ยังทำให้หัวใจแข็งแรง ร่างกายกระฉับกระเฉง โดยเลือกวิธี ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตนเอง เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวต่อไป" อธิบดีกรมอนามัย กล่าวปิดท้าย


ขอบคุณข้อมูลและภาพข่าวจาก : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง