เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง เทคนิคลดต้นทุนการผลิตพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรทำได้



tmp_20151505142717_1.jpg


          นายกอบเกียรติ ไพศาลเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชไร่ สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรไทยค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกทั้งปุ๋ยและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช อีกทั้งความผันผวนของตลาด ราคาพืชผลตกต่ำ ทำให้เกษตรกรขาดทุนหรือไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้น แนวทางที่จะช่วยให้เกษตรกรมีกำไรจากการผลิตพืชมากขึ้น คือการเพิ่มผลผลิตพืชต่อหน่วยพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิตหรือต่อไร่ลดลงได้

          การลดต้นทุนการผลิตพืชเกษตรกรสามารถปฏิบัติได้เองกรณีมันสำปะหลัง หากเกษตรกรเลือกใช้พันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สามารถเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เช่น พันธุ์ระยอง 72 ระยอง 9 เหมาะกับสภาพดินทราย-ดินทรายร่วน หรือระยอง 5 เหมาะกับดินร่วนเหนียว พันธุ์เกษตรศาสตร์ เหมาะกับดินทรายจัด เป็นต้น เนื่องจากเกษตรกรลงทุนค่าท่อนพันธุ์ในราคาเดิมแต่สามารถเพิ่มผลผลิตขึ้นไปกว่าเดิมก็ถือว่าลดต้นทุนต่อหน่วยลงได้แล้ว ซึ่งต้นทุนการผลิตของเกษตรกรในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1.20 บาท/กก. จำหน่ายผลผลิตได้ 2.50 บาท/กก. คือมีส่วนต่างอยู่ที่ 1.30 บาท/กก. ฉะนั้นเกษตรกรจะได้ส่วนต่างเป็นผลกำไรเฉลี่ย 1,000 บาท/ตัน หากได้ผลผลิตมันสำปะหลัง 5 ตัน/ไร่ เกษตรกรจะมีรายได้ประมาณ 5,000 บาท

          นอกจากการลดต้นทุนโดยการเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยแล้ว การลดต้นทุนโดยตรงด้านแรงงานคน ที่ปัจจุบันแรงงานภาคเกษตรขาดแคลนและมีราคาแพง ซึ่งปกติการจ้างแรงงานคนขุดมันสำปะหลัง 1 ไร่ ใช้แรงงาน 6 คน ค่าจ้างคนละ 300 บาทต่อวัน เท่ากับมีต้นทุนวันละ 1,800 บาท หากเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนก็ลดต้นทุนการผลิตส่วนนี้ลงไป ทั้งนี้ แนะนำให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อจัดซื้อหรือเช่าเครื่องจักรกลการเกษตรมาใช้ร่วมกันเพื่อลดต้นทุนอย่างยั่งยืน

          อีกแนวทางหนึ่งในการลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี คือการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เนื่องจากต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ปุ๋ยเคมีที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ หากเกษตรกรใส่ปุ๋ยตามความต้องการของพันธุ์นั้นๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงอายุ 1-2 เดือนแรก ที่มันสำปะหลังมีความต้องการธาตุอาหารสูง ประกอบกับถ้าเกษตรกรมีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุเหลือใช้ในไร่นาใช้ร่วมด้วย ก็จะลดต้นทุนได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง

          จากนั้นสิ่งที่ต้องปฏิบัติควบคู่ไปด้วยคือการกำจัดวัชพืชโดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก ไม่ให้เจริญเติบโตแข่งกับมันสำปะหลัง เพราะจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตมันสำปะหลัง ที่สำคัญคือการเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเก็บเกี่ยวในช่วงอายุที่เหมาะสม คือ 10 เดือนขึ้นไป เพราะจะได้ผลผลิตและคุณภาพแป้งดี ปลูกรุ่นใหม่ได้ทันรอบปี แต่ถ้าเก็บเกี่ยวผลผลิตเร็วก็จะส่งผลให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพแป้งไม่ดี ส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายได้นอกจากนี้เกษตรกรควรวางแผนการผลิตโดยประสานกับโรงงานรับซื้อ ว่าควรผลิตออกมาช่วงไหนจึงจะสอดคล้องกับความต้องการ หรือควรหลีกเลี่ยงช่วงที่ผลผลิตออกมามากพร้อมๆ กัน เพราะเกษตรกรมีโอกาสจะถูกกดราคามากที่สุดในช่วงดังกล่าว

          นายกอบเกียรติกล่าวเพิ่มเติมว่า การลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่เกษตรกรไทย ที่กรมวิชาการเกษตร ได้แนะนำส่งเสริมให้เกษตรกรปฏิบัตินั้น ถ้าเกษตรกรนำไปดำเนินการน่าจะลดต้นทุนการผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 15-20% และสิ่งที่ตามมาคือผลผลิตเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพ ซึ่งจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์พืชเศรษฐกิจ (Roadmap) ที่ต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ระยะเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ตั้งแต่ปี 2558-2569 เป้าหมาย คือ คงพื้นที่ 8.5 ล้านไร่เท่าเดิม แต่เน้นการเพิ่มผลผลิตขึ้นจากเฉลี่ย 3.5 ตัน/ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 7 ตัน/ไร่ ภายในปี 2569 ซึ่งปัจจุบันผลผลิตมันสำปะหลังเฉลี่ยทั้งประเทศ 29-30 ล้านตัน/ปี เมื่อสิ้นสุดแผนยุทธศาสตร์จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 60 ล้านตัน ซึ่งจะเพียงพอต่อการนำไปใช้ทั้งพืชอาหารและพืชพลังงาน

          อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชพลังงานกรมวิชาการเกษตร ได้รวบรวมจัดทำเอกสารแนะนำการลดต้นทุนการผลิตพืชไร่และพืชพลังงานอีกหลายชนิด เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรและผู้สนใจได้นำไปใช้ในการพัฒนาการผลิตพืชที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร โทร.0-2579-3930-3

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าว : http://www.naewna.com