เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
ธุรกิจกล้ายางอ่วมมือสมัครเล่นขาดทุนระนาว

          หมดยุคทองธุรกิจกล้ายาง ผลพวงราคาน้ำยางตกต่ำ เหลือต้นละไม่เกิน 30 บาท เกษตรกรใต้กระอัก ลงทุนเหนือ-อีสานเจ๊งยับ หมดหนทางถึงขั้นขายบ้านที่ดินแถมกล้ายางฟรี ขณะที่ผู้ประกอบการ มือสมัครเล่นต้องเลิกอาชีพเกือบ 100% ด้านส่งออกชะลอตัว ทั้งในและต่างประเทศ

          นายโสภณ ดำจุ้ย เจ้าของแปลงเพาะชำต้นกล้ายางพารา จังหวัดตรัง ผู้ผลิต ต้นกล้ายางรายใหญ่ภาคใต้ และภาคเหนือ เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มตนได้ลงทุนสร้างแปลงเพาะพันธุ์ต้นกล้ายาง ตั้งแต่ปี 2547 นอกจากลงทุนทางภาคใต้แล้ว ได้ขยายไปลงทุนทางภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยผลิตต้นกล้ายางปีละ 400,000 ต้น แต่มาในปี 2558 ได้ลดการผลิตลงมาเหลือ 350,000 ต้น เพราะมีผล กระทบหลายด้าน เช่น ภาวะแล้งยาวขาดแหล่งน้ำ ซึ่งทำให้ต้นกล้าได้รับความ เสียหายมาก ยางราคาตกต่ำเหลือ 3 กิโลกรัม 100 บาท อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายยึดคืนผืนป่าด้วยการโค่นยาง ทำให้ผู้ลงทุน ที่จะปลูกยางไม่กล้าตัดสินใจลงทุนทำ สวนยาง สั่งซื้อต้นกล้ายาง และแม้กระทั่งซ่อมแซมยางทำให้ตลาดต้นกล้ายางได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขณะที่ในปีอื่น ๆ แม้ว่ายางจะมีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ แต่ตลาดต้นกล้ายังอยู่ในระดับทรงตัว

          นายโสภณกล่าวอีกว่า ในปีนี้ยอดขายต้นกล้ายางของผู้ประกอบการผลิตต้นกล้าในกลุ่มตนหายไปประมาณ 75% ทุกพื้นที่ตั้งแต่ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคเหนือ โดยเฉพาะทางภาคอีสาน และภาคเหนือ ที่เป็นผู้ประกอบการผลิตต้นยางจากภาคใต้กว่า 95% ได้รับผลกระทบทั้งหมด เฉพาะในกลุ่มตนลงทุนไป 25-30 ล้านบาท แต่มีรายได้เพียง 3-5 ล้านบาท กระทั่งขณะนี้ ผู้ประกอบการหลายรายต้องบอกขายกิจการ บ้าน และที่ดิน และยังแถมต้นกล้ายางให้เปล่าด้วย

          แหล่งข่าวจากผู้เพาะพันธุ์กล้ายางขนาดเล็กเปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีผู้ที่ทำธุรกิจ กล้ายางเหลืออยู่บ้าง ส่วนมากเป็นผู้ประกอบ การรายเก่าที่ยังมีลูกค้าที่เป็นตลาดท้องถิ่น ตลาดรายย่อย กลุ่มซ่อมแซมสวนยาง แปลงยางขนาดเล็ก กลุ่มที่จะลงทุนทำเป็นอาชีพเสริม กลุ่มที่จำหน่ายให้กับผู้ทำสงเคราะห์โค่นยางเก่าครบอายุปลูกใหม่แทน และสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ที่แต่ละปีมีเป้าหมาย 400,000 ไร่ อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการมือสมัครเล่นต่างชะลอ และยุติการผลิตกล้ายางแล้ว 90-95% ทั้งประเทศ ขณะที่ยังทำอยู่คือ ผู้ประกอบการมืออาชีพที่ทำยางครบวงจร เป็นทั้งเจ้าของสวนยาง เจ้าของแปลง และเพาะพันธุ์ติดตายางเอง

          สำหรับราคาต้นกล้ายางในปัจจุบันใกล้เคียงกับปี 2557 โดยพันธุ์ RRIM 600 ราคาอยู่ที่ต้นละ 15-20 บาท พันธุ์ RRIT251 ราคาต้นละ 20-25 บาท และพันธุ์บัดดิ้ง ราคาต้นละ 25-30 บาท ขณะที่ต้นกล้ายาง ราคาสูงสุดเมื่อช่วงปี 2553-2554 ราคาอยู่ที่ต้นละ 80-120 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย

          แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การส่งออกต้นกล้ายางไปยังต่างประเทศขณะนี้ถือว่าชะลอตัว ทั้งในประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน ขณะที่ต้นกล้ายางภาคใต้จากเดิมที่ ส่งไปขายยังภาคอีสาน ภาคเหนือ ต่างต้อง ชะลอตัวเช่นกัน เพราะทั้งอีสาน เหนือ สามารถเพาะพันธุ์เองได้แล้ว

          จากราคาต้นกล้ายางต่ำลง ทำให้ราคาเมล็ดยางนำเข้าที่เคยมีราคาสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 20-30 บาท และเมล็ดยางในประเทศ 15-20 บาท ปัจจุบันราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท แต่ถึงขณะนี้เมล็ดยาง ไม่มีราคาแล้ว

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 - 24 มิ.ย. 2558  หน้า 24

 



เอกสารที่เกี่ยวข้อง