เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
คลังคิดไม่ตกช่วย ยาสูบ

          คลังยังไร้ข้อสรุปหาแนวทางบรรเทาผลกระทบให้กับโรงงานยาสูบหลังออกกฎหมายใหม่ ยอดขายลดลง 40% ด้าน รมช. คลังย้ำพิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้กฎหมาย
          กระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต กำลังพิจารณาหาแนวทางบรรเทา ผลกระทบให้กับโรงงานยาสูบ หลังจากที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งโรงงาน ยาสูบชี้แจงว่า ยอดขายในเดือน ต.ค. ลดลงราว 40% เนื่องจากถูกบุหรี่ ต่างชาติใช้กลยุทธ์ทางการตลาดปรับลดราคาขายปลีกลง จนกระทบกับยอดขายบุหรี่ตลาดกลางและล่าง
          วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ยังไม่ได้รายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว แต่ได้กำชับให้มีการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออย่างรอบคอบ และต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายด้วย เพราะเกี่ยวข้องกับภาพรวมอุตสาหกรรม บุหรี่ที่มีบริษัทบุหรี่จากต่างประเทศ มีการจับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
          "เรื่องนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังดำเนินการพิจารณาทางออก กันอยู่ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะต้องได้ข้อสรุปเมื่อใด"
          แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มีการสั่งการไปยังโรงงานยาสูบ ให้เร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่และตลาด เพื่อให้สามารถทำการแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          อำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง กลุ่มภารกิจด้าน รายได้ ในฐานะกรรมการโรงงานยาสูบ กล่าวว่า กรมสรรพสามิตยังไม่สามารถหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือได้ ซึ่งข้อเสนอให้มีการปรับแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังในการกำหนดอัตราภาษีใหม่ ยังมีความกังวลว่าจะไปขัดกับข้อกฎหมายขององค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ได้
          แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การหารือเรื่องให้ความ ช่วยเหลือโรงงานยาสูบ คาดว่าภายใน 2-3 สัปดาห์น่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมด เพื่อเสนอให้ฝ่ายนโยบายตัดสินใจได้
          สำหรับแนวทางการให้ความ ช่วยเหลือที่มีการหารือกันในเบื้องต้นนั้น อาทิ เสนอให้กำหนดช่วงราคาขายปลีกให้กว้างมากขึ้นเป็น 3 ช่วงราคา คือ ราคาไม่เกิน 50 บาท ราคาตั้งแต่ 50 บาท แต่ไม่เกิน 100 บาท และราคา 100 บาทขึ้นไป แต่จะช่วย แก้ปัญหาได้เพียงช่วงสั้นๆ เพราะเมื่อผู้ประกอบการทั้งหมดปรับตัวได้ก็จะมีการออกบุหรี่แบรนด์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อเจาะตลาดล่าง
          นอกจากนี้ ยังเสนอให้เก็บภาษีด้านปริมาณเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 1.20 บาท/มวน แต่ไม่ได้เป็นผลดีกับโรงงานยาสูบ เพราะทำให้โรงงานยาสูบที่ผลิตบุหรี่ตลาดกลางและล่าง ต้องเสียภาษีด้านปริมาณเพิ่มขึ้นเท่ากับบุหรี่ตลาดบน
          อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อ สรุป เพราะยังเป็นการหารือในระดับ เจ้าหน้าที่ จึงต้องติดตามดูความชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์จากนี้


ที่มา  :  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่ 13 ธันวาคม 2560  หน้า A7

 



เอกสารที่เกี่ยวข้อง