พูลศรี เจริญ
"อยากเกษียณตอนที่อายุยังไม่มากเกินไป เพราะอยากมีโอกาสทำอะไรหลายๆ อย่างที่ชอบ อยากเดินทางไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ อยากจะมีเวลาออกกำลังกาย เรียนทำอาหาร ปลูกผักสวนครัว ฯลฯ"
จากเป้าหมายในชีวิตที่กล่าวข้างต้น ทำให้ เมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล คุณแม่ลูก 2 คน ในวัย 44 ปี ได้วางแผนเรื่องการออม การลงทุน เพื่อรองรับวัยเกษียณอย่างมีระเบียบแบบแผน ดังนี้
สำหรับรายได้ ซึ่งเธอใช้คำว่ารายได้ของครอบครัว จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรก สำรองไว้เป็นทุนการศึกษาของลูกทั้งสองคน
ส่วนที่สอง เงินที่จะส่งต่อให้ลูกเมื่อโตขึ้น
ส่วนที่สาม เงินที่ออมไว้สำหรับใช้เองหลังเกษียณ
ช่องทางการส่งเงินไปทำงานเพื่อให้เกิดดอกผล เมธ์วดี บอกว่าจะมีตั้งแต่สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป เช่น เงินฝากธนาคาร เงินลงทุนในกองทุนรวม เงินลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ตลอดจนการลงทุนในต่างประเทศ
สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ภาพวาด อัญมณี นอกจากนี้ยังซื้อประกันชีวิตไว้ด้วย
ทั้งนี้ เงินออมในส่วนที่เป็นทุนการศึกษาของลูก จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพและมีผลตอบแทนสม่ำเสมอ เช่น เงินปันผล หรือดอกเบี้ย และมีเงินลงทุนในต่างประเทศสำหรับเป็นทุนการศึกษาของลูกในอนาคต
ในส่วนของเงินที่จะส่งต่อให้ลูกหลานนั้น เนื่องจากเป็นเงินลงทุนระยะยาว จึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นและมีสภาพคล่องต่ำได้ เช่น ลงทุนในหุ้น และอสังหาริมทรัพย์
เงินส่วนสุดท้าย เป็นการออมไว้ใช้ยามเกษียณอายุ จะออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
นอกจากนี้ ลงทุนในกองทุนรวมที่ให้ผลประโยชน์ทางภาษี เช่น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
ไม่เพียงเท่านี้เธอยังมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ได้มาจากการเป็นพนักงานของบริษัทที่ทำงานอยู่
เงินออมส่วนที่เหลือ จะจัดในรูปของการทำ Asset Allocation หรือการจัดพอร์ตลงทุน ซึ่งจะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนตามอายุที่มากขึ้น จนถึงวัยเกษียณอายุ
เมธ์วดี เล่าว่า เคยมีความคิดจะเกษียณเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วและคิดว่าคงไม่เกิดขึ้นภายใน 5 ปีนี้ เนื่องจากในฐานะแม่ทัพของ บลจ.บางกอกแคปปิตอล จึงมีภาระหน้าที่ ที่จะต้องนำพาบริษัทที่ช่วยก่อตั้งให้ประสบความสำเร็จก่อน
นอกจากเตรียมความพร้อมเรื่องการเงินแล้ว เมธ์วดี ยังให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องสุขภาพอีกด้วย
"ปกติจะพยายามจัดเวลาสำหรับออกกำลังกายให้กับตัวเอง แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของชีวิต"
เธอเล่าว่า ช่วงที่เริ่มทำงานใหม่ๆ จะออกกำลังกายหลังเลิกงานเกือบ ทุกวัน
แต่ตอนนี้ด้วยตำแหน่งงานที่ใหญ่ขึ้น ภาระหน้าที่ก็มากขึ้นทำให้มีเวลาออกกำลังกายน้อยลง แต่ก็พยายามหาเวลาออกกำลังกาย
"ปัจจุบันเวลาแทบจะหมดไปกับเรื่องงานและกิจกรรมของลูก แต่ทุกวันอาทิตย์จะมีเทรนเนอร์มาสอนเทรน พิลาทิสให้"
ส่วนกลางสัปดาห์ เธอบอกว่าถ้ามีเวลาก็จะออกกำลังกายที่บ้าน เล่น พิลาทิส วิ่ง เครื่องเล่นเวต ว่ายน้ำ ในช่วงค่ำหลังเลิกงานหรือช่วงเช้าก่อนออกไปทำงาน บางอาทิตย์เหนื่อยก็อาจไม่ได้ออกกำลังกายเลย
สำหรับเรื่องการบริโภคอาหาร เมธ์วดี บอกว่า ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร เป็นคนชอบรับประทานและชอบที่จะลองอาหารหรือร้านใหม่ๆ จะพยายามรับประทานมื้อเบาสลับกับมื้อหนัก ส่วนมากชอบรับประทานอาหารและขนมที่ทำเอง เพราะสามารถควบคุมส่วนผสมได้ พยายามเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปลอดสารและไขมันต่ำ
นอกจากนี้ เธอบอกว่าการรับประทานอาหารที่ทำเองในบ้านมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องสุขภาพ และช่วยป้องกันภาวะน้ำหนักเกิน
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 หน้า C4