ไอเอ็นจี ผู้ให้บริการทางการเงินและการธนาคารรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ เผยผลการศึกษาโดยอิปซอสซึ่งสำรวจข้อมูลใน 13 ประเทศยุโรป รวมทั้งสหรัฐและออสเตรเลีย พบว่า ในหลายประเทศที่ใช้เงินสดเป็นส่วนใหญ่ ประชาชน หลายคนอยากเลิกใช้ ผู้ให้ข้อมูล 34% ในยุโรป และ 38% ในสหรัฐกล่าวว่า เป็นเรื่องดีมากหากไม่ต้องใช้เงินสด ขณะที่ประชาชน 21% ในยุโรป และ 34% ในสหรัฐกล่าวว่า ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินสดอยู่แล้ว และถ้าเลือกได้ประชาชนในยุโรปหนึ่งในสามตอบว่า จะไม่ใช้เงินสดเลย
แนวโน้มนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อผู้ให้ข้อมูลในยุโรปกว่าครี่ง ระบุว่า ใช้เงินสดน้อยลงในลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และ 78% ตอบว่า จะยิ่งใช้เงินสดน้อยลง ไปอีกใน 12 เดือนข้างหน้า
รายงานชี้ว่า ระบบการจ่ายเงินอย่างสมาร์ทการ์ดแบบไร้สัมผัส และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมมากขึ้น จนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในบางประเทศ ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนีที่ผู้คนชอบใช้เงินสดกังวลว่า การที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเลิกใช้ธนบัตร 500 ยูโรภายในสิ้นปี 2561 อาจก่อ ให้เกิดผลเสียตามมาแทนที่จะเป็นผลดี เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้เงินสดมากที่สุด ผลการสำรวจของไอเอ็นจีพบว่า มีชาวเยอรมนีเพียง 10% เท่านั้นที่บอกว่าแทบจะไม่ใช้เงินสด เทียบกับ เพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์และฝรั่งเศส ที่มีคนไม่ค่อยใช้เงินสด 33% และ 35% ตามลำดับ
ผลสำรวจยังพบอีกว่า โดยทั่วไปประเทศที่ใช้เงินสดกันอยู่มาก มีแนวโน้มว่าประชาชนต้องการเข้าสู่ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด
นายเอียน ไบรท์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากไอเอ็นจี กล่าวว่า สมัยนี้ผู้คนไม่ต้องรีบไปกดเงินที่ตู้เอเทีเอ็มแล้ว แต่หันมาใช้การชำระเงินผ่านบัตรหรือ สมาร์ทโฟนแทนเพราะปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ความสำคัญของเงินสดจะลดน้อยลง แต่ประชาชน 75% ในยุโรป กล่าวว่า ไม่มีทางเลิกใช้เงินสดอย่างสิ้นเชิง
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 28 เมษายน 2560