เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
ทรัมป์กับอาหารทะเลไทย

          ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากเคยไปลองชิมล็อบสเตอร์ที่รัฐเมนในสหรัฐมาแล้ว พูดอย่างเป็นธรรม ตัวใหญ่ อร่อยดี ใหม่ และสด แต่ผมว่าฝรั่งทำน้ำจิ้มกุ้งสู้แม่บ้านผมไม่ได้ เลยไม่ได้ติดอกติดใจที่จะชวนท่านไปชิมกุ้งฝรั่ง แต่ที่น่าสนใจคือพอประธานาธิบดีคนใหม่เลี้ยงอาหารทะเลสไตล์อเมริกันแทนที่จะเลี้ยงแขกด้วยกุ้งเวียดนามหรือกุ้งไทย ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐก็ตื่นเต้นกันใหญ่ว่าท่านประธานาธิบดีกำลังส่งสัญญาณที่จะให้ความดูแลอุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐเป็นพิเศษ เพื่อทำให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

          หลังจากนั้นไม่นานในวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหารถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกความตกลง หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก  หรือทีพีพี ซึ่งสมาชิกบางประเทศ เช่น จีนและเวียดนาม เป็นผู้

          ส่งออกหลักที่ส่งอาหารทะเลไปจำหน่ายในสหรัฐ ทำให้เกิดการคาดหมายว่าสหรัฐอาจใช้มาตรการทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีมาใช้เพื่อกีดกันการสั่งอาหารทะเลเข้าประเทศ เช่น การเก็บภาษีสินค้าเข้าจากจีนร้อยละ 45 ซึ่งถึงแม้ภายหลังจะมีการปฏิเสธโดยทางการสหรัฐ แต่บอกว่าจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แค่นี้ก็ทำให้ผู้นำสินค้าอาหารทะเลเข้าประเทศและประเทศผู้ส่งออกเสียขวัญได้พอสมควร เพราะถ้าเจ้าหน้าที่สหรัฐใช้นโยบายตามคุณภาพและแหล่งกำเนิดของสินค้าอาหารทะเลที่ส่งเข้าไปจำหน่ายอย่างเคร่งครัด โดยใช้มาตรการควบคุมอาหารและยาของสหรัฐแล้วย่อมเพิ่มความเสี่ยงในการนำอาหารทะเลจากต่างประเทศเข้าสหรัฐ เพราะอาจถูกปฏิเสธการนำเข้าหรือถูกทำลายได้ถ้ามีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยให้ตรวจพบหรือพยายามตรวจจนพบตามนโยบาย

          นอกจากการออกนโยบายเชิง กีดกันเพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งแล้ว ยังชัดเจนว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐจะลดความสำคัญของความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียที่ประธานาธิบดีคนที่แล้ว คือ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา เคยประกาศไว้ว่าจะให้ความสัมพันธ์ที่ แนบแน่นกับประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นพิเศษ ซึ่งแม้ว่าเหตุผลหลักจะ เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพราะโอบามาเห็นว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นภูมิภาคที่กำลังเจริญเติบโต เพราะนโยบายเศรษฐกิจเสรีและมีโอกาสจะเติบโตขึ้นอีกเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาหุ้นส่วนเศรษฐกิจทีพีพีแล้ว แต่หลายคนเชื่อว่าเป็นนโยบายเพื่อสกัดกั้นการขยายตัวทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนไปในตัวด้วย

          ข้อพิสูจน์ชัดเจนคือการถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจทีพีพีที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว หมายความว่าประเทศในเอเชียทั้งที่เป็นสมาชิกทีพีพีหรือไม่เป็นสมาชิกอย่างไทย คงหวังว่าสหรัฐจะเปิดตลาดของตนให้ผู้ส่งออกอาหารทะเลเข้าประเทศได้อย่างเสรีได้สูญสิ้นไป และอาจนำมาซึ่งสงครามเศรษฐกิจระหว่างประเทศผู้ส่งออกด้วยกันเอง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดอาหารทะเลในสหรัฐและบางประเทศ เช่น จีน เป็นต้น

          นอกจากการใช้มาตรการกีดกัน การถอนตัวจากกลุ่มตลาดเสรีแล้ว

          สหรัฐยังจะลดมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่เคยเป็นอุปสรรคในการประกอบอุตสาหกรรม และเพิ่มต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารทะเลในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถส่งอาหารทะเลออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น

          ใครจะทราบว่าวันหนึ่งเราอาจได้กินเมนล็อบสเตอร์และกุ้งจากอ่าวเม็กซิโกในร้านอาหารทะเลระดับชาวบ้านไม่ใช่เฉพาะในโรงแรมหรือภัตตาคารห้าดาวในบางโอกาสเหมือนในปัจจุบัน ผมอยากดูเหมือนกันว่ากุ้งอเมริกันหรือกุ้งแม่น้ำอิรวดีของเมียนมา

          ใครจะเป็นผู้ครองตลาดอาหารทะเลในประเทศไทย ถ้าสหรัฐสร้างอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้กลับมา ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ไม่แน่ว่าอาจมีการเสิร์ฟอาหารทะเลจากสหรัฐในร้านฟาสต์ฟู้ดดังๆ ของสหรัฐอย่างแมคโดนัลด์ในเมืองไทยข้างบ้านผมก็ได้

          ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามาพูดถึงมาตรการของประธานาธิบดีทรัมป์ต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลของเขา แต่ที่น่าสนใจคือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย รวมทั้งตัวเลขการส่งออกของอาหารทะเลไทย โดยเฉพาะกุ้งและปลาทูน่ามูลค่าปีละนับแสนล้านบาทว่าจะสามารถปรับตัวรับมาตรการใหม่ๆ ที่ทางสหรัฐจะนำมาใช้หรือไม่ เพราะถ้ารัฐบาลสหรัฐเปลี่ยนแปลงนโยบายเพิ่มความ เข้มงวดในการตรวจตราคุณภาพและการนำเข้าอาหารทะเลจากต่างประเทศปัญหาบางอย่างที่ยังไม่ยุติ เช่น การใช้แรงงานผิดกฎหมายที่เพิ่งได้รับการปรับอันดับดีขึ้นอาจถูกประเมินใหม่ ด้วยเหตุผลทางการเมืองและนโยบายของรัฐบาล

          อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยอมรับว่าคุณภาพอาหารทะเลของไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาดและผู้บริโภค จึงพอหวังได้ว่าผู้ประกอบการของไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แม้ว่าจะต้องเพิ่มด้านดำเนินการบ้างเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลผลิตให้สูงขึ้นไปอีก และปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎกติกามารยาทของทางการสหรัฐอย่างเคร่งครัด

          การแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดทั้งในสหรัฐ สหภาพยุโรป จีน หรือญี่ปุ่นคงจะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะประเทศผู้ส่งออกทุกประเทศ โดยเฉพาะคู่แข่งหลักของไทย เช่น เวียดนาม ต่างได้รับผลกระทบจากนโยบายใหม่ของสหรัฐอย่างทัดเทียมกัน จึงเป็นอะไรที่จะต้องติดตามดูกันต่อไป

          ที่แน่ๆ คือสหรัฐผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการควบคุมอุตสาหกรรมอาหารทะเลของตนเองลงเพื่อลดต้นทุนการผลิต ทางการไทยก็น่าจะรีบพิจารณาว่าจะลดกฎเกณฑ์อะไรได้บ้างเพื่อลดต้นทุนการผลิตที่ไม่จำเป็นลง  ผู้ประกอบการไทยจะได้มีทุนไปปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันยุคใหม่ภายใต้กติกาของทรัมป์

          แต่ไม่แน่เหมือนกันว่าผู้บริโภคอาหารทะเลชาวอเมริกันอาจติดรสชาติกุ้งไทยที่ราคาถูกกว่ากุ้งอเมริกันก็ได้ ใครจะรู้ใช่ไหมครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 14 มี.ค. 2560



เอกสารที่เกี่ยวข้อง