เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
เกษตรแบบพึ่งตนเอง ทางรอดชาวนายุคราคาข้าวตกต่ำ

          ทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เกษตรกรดีเด่นสาขาทำนา จ.สุพรรณบุรี มองว่า ชาวนาต้องเรียนรู้การทำนาทั้งระบบ ไม่ใช่การเป็นชาวนาออนไลน์อย่างทุกวันนี้ โดยเป็นผู้จัดการนา แต่กระบวนการต่างๆ ใช้วิธีจ้างทั้งหมด โดยต้องเรียนรู้ตั้งแต่การคัดพันธุ์ข้าวเพื่อให้ผลผลิตที่ดี การคัดพันธุ์ข้าวดีได้ผลผลิตดีก็เท่ากับการลดต้นทุน ทำปุ๋ย ทำยา และแปรรูปขายเอง เท่านี้เองชาวนาก็จะสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากรัฐบาล

          “ทุกวันนี้ผมขายข้าวได้เกวียนละกว่าสี่หมื่นบาท เพราะผมทำครบวงจรมานาน ไม่เคยจำนำข้าว ไม่เคยให้รัฐบาลช่วยเหลือ เรื่องของโรงสีผู้ส่งออกต้องล้างระบบเหล่านี้ให้หมด ต้องเป็นไปตามกลไกการตลาดจริงๆ”ทองเหมาะ กล่าว

          ราคาข้าวเปลือกที่ตกวูบจากเดิมที่เคยขายได้ตันละ 1-1.2 หมื่นบาท ก็เหลือไม่ถึงตันละ 8,000 บาท ทำให้ยุพิน สิงห์รอ ชาวนาบ้านพันเสา ต.บ่อทอง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ริเริ่มนำข้าวเปลือกมาสีขายเป็นข้าวสาร โดยประกาศขายทางเฟซบุ๊ก และบริการส่งถึงบ้าน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีคนเข้ามาสั่งซื้อและสั่งจองล่วงหน้ากันเป็นจำนวนมาก ทำให้รายได้จากการขายข้าวจากตันละไม่ถึง 8,000 บาท เพิ่มเป็นตันละ 3 หมื่นบาท

          “ข้าวหอมมะลิปลูกแบบปลอดสารเคมีจะได้ผลผลิตไร่ละประมาณ 500-600 กิโลกรัม นำมาสีเป็นข้าวสารจะเหลือประมาณ 250-300 กิโลกรัม ขายราคากิโลกรัมละ 30 บาท หรือถังละ 400 บาทเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าข้าวสารที่ขายอยู่ตามท้องตลาด 20-30% ประกอบกับช่วงนี้ประชาชนก็ต้องการที่จะช่วยเหลือชาวนาให้อยู่ได้ ทำให้มีคนเข้ามาสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก”

          บุญ ขุนหาญ ชาวนาบ้านหนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ใช้วิธีสีข้าวด้วยมือหรือครกมือแบบโบราณ เป็นข้าวกล้อง 100% โดยแต่ละวันสีข้าวได้ 30 กิโลกรัม ถ้าขยันมากขึ้นก็อาจได้ถึงวันละ 50 กิโลกรัม จากนั้นใส่ถุงนำไปขายใกล้ด่านตรวจบริเวณสามแยกหนองสังข์ โดยใส่ถุง ถุงละ 3 กิโลกรัม ราคาถุงละ 140 บาท หรือกิโลกรัมละ 46 บาท ขายดีจนข้าวเก่าหมดแล้ว ต้องรออีก 2 สัปดาห์จึงจะมีข้าวใหม่ออกมา โดยทำเช่นนี้มาแล้ว 3 ปี

          “การใช้เครื่องสีข้าวด้วยมือ จะได้ข้าวกล้องที่มีคุณค่าทางอาหาร ไม่เคยง้อโรงสี ใช้เวลาสีไม่ถึง 30 นาที ก็ได้ข้าวสารไปหุงกินแล้ว แถมได้ออกกำลัง ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย หากชาวนาหันมาพึ่งตนเอง ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เดินตามรอยพ่อ เชื่อว่าชาวนาไทยสามารถยืนหยัดได้แน่นอน ชีวิตชาวนาจะรุ่งเรือง ไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของนายทุนอีกต่อไป”

          กระแสที่ชาวนาเริ่มหันมาเป็นผู้ผลิตข้าวถุงขายเอง และกระแสสังคมที่ต่างพร้อมใจกันช่วยเหลือชาวนา ทำให้มีการสั่งซื้อเครื่องสีข้าวขนาดเล็กจนผลิตแทบไม่ทัน

          ธนบูรณ์ โล่วรรธนะมาศ ผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำก็ได้มีชาวนาและกลุ่มวิสาหกิจต่างๆ ซื้อเครื่องสีข้าวกันมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเครื่องขนาดเล็กและขนาดกลาง ราคา 1-4.5 หมื่นบาท ทำเป็นธุรกิจเล็กๆ เพื่อนำข้าวสารที่สีแปรสภาพแล้วไปขายให้กับผู้บริโภคโดยตรงแทนการไปขายข้าวเปลือกซึ่งจะได้ราคาต่ำ คาดว่าหากราคาข้าวยังตกต่ำต่อเนื่อง จะมีชาวนาทยอยซื้อเครื่องสีข้าวเพื่อทำธุรกิจแปรรูปข้าวสารจำหน่ายเองมากขึ้น

          สมพร ยุพะโคตร ช่างผู้ประกอบเครื่องสีข้าว โรงสีปิ่นสยาม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี บอกว่า ราคาข้าวที่ตกลงหนัก ชาวนาจึงได้หันมาสีข้าวขายเอง เพื่อจะได้ขายข้าวในราคาที่สูงขึ้น และยังมีส่วนอื่นของข้าว เช่น รำ แกลบ ปลายข้าวที่หัก นำมาจำหน่ายต่อเพื่อเพิ่มมูลค่าในช่วงที่ราคาข้าวไม่สู้ดีนัก การสีข้าวเองของชาวนาเป็นอีกหนึ่งวิธีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ทำให้ไม่สามารถผลิตเครื่องสีข้าวได้ทัน ต้องสั่งจองล่วงหน้า 3-7 วัน แล้วแต่คิว

          ไม่ว่าจะปรับตัวรับสถานการณ์ราคาข้าวอย่างไร แต่จุดเน้นย้ำซึ่งเกษตรกรต้นแบบอย่าง วินิจ ถิตย์ผาด อดีตเกษตรอำเภอ ซึ่งพลิกผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรระบบอินทรีย์ปลอดสารเคมี ผู้แปรรูปข้าวออร์แกนิกบรรจุถุง ซึ่งได้รับการรับรองจากออร์แกนิกไทยแลนด์ บอกว่า ชาวนาต้องน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้ในชีวิตประจำวัน เลือกที่จะอยู่อย่างพอเพียงพึ่งพาตนเอง

          “เกษตรกรยุคนี้ควรปรับเปลี่ยนวิธีความคิด และวิธีการทำเกษตร โดยเฉพาะเรื่องการทำเกษตรแบบผสมผสาน ตามแนวทฤษฎีใหม่ และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง เชื่อว่านี่จะเป็นทางรอดของเกษตรกรและชาวนาไทยในเวลานี้ได้”วินิจ เกษตรกรต้นแบบของ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวย้ำ

 

ที่มา: www.posttoday.com วันที่ 7 พ.ย. 2559



เอกสารที่เกี่ยวข้อง