นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เผยว่า ด้วยแต่ละปีไทยต้องนำเข้าถั่วลิสง เพื่อเอามาใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปต่างๆ ทั้งถั่วคั่ว ถั่วชุบแป้งทอด ปริมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือ 60,000 ตันต่อปี และสาเหตุที่ต้องนำเข้ามามาก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาชาวนาหันไปปลูกข้าวติดต่อกันโดยไม่มีการพักนามายาวนาน เพื่อขายข้าวให้กับโครงการรับจำนำ ส่งผลให้ชาวนาเลิกปลูกถั่วหลังนาไปเป็นจำนวนมาก และในขณะเดียวกันภาครัฐไม่ได้มีนโยบายสนับสนุนให้ปลูกพืชตระกูลถั่วอย่างจริงจังเหมือนในอดีต ผลผลิตเลยมีไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ
“ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการถั่วลิสงมาก แต่เราผลิตได้เองในประเทศแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประกอบการจึงต้องหาทางออกด้วยการนำเข้าถั่วลิสงจากอินเดียปีละ 20,000-40,000 ตัน จากจีน 10,000-15,000 ตัน, พม่า 10,000 ตัน ลาว 6,000 ตัน และเวียดนามอีกประมาณปีละ 500-1,000 ตัน แต่ผลผลิตที่นำเข้ามาบางครั้งมีปัญหาเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราอัลฟาทอกซินแอบแฝง เนื่องจากกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยวไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน เก็บถั่วแล้ว เอาฝักกองไว้กับพื้นดิน สุมๆ ทับไว้ ความชื้นก่อให้เกิดเชื้อรา และปัญหาได้ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นในถั่วลิสงที่ส่งเข้ามาไทย ทำให้ผู้บริโภคสุ่มเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้”
นางสาวดุจเดือน บอกว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว หากใช้กฎหมายบังคับเพียงอย่างเดียว อนาคตอาจมีผลผลิตนำเข้ามาไม่เพียงพอ ในเมื่อไทยต้องพึ่งพาการนำเข้า ดังนั้น การใช้วิธีขอความร่วมมือน่าได้ผลที่สุด และทำให้เราได้ถั่วลิสงที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีความปลอดภัยด้วย ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย มกอช.และกรมวิชาการเกษตร จึงจัดโครงการความร่วมมือไทย-ลาว สนับสนุนทางวิชาการ ทั้งด้านมาตรฐาน กระบวนการเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมทั้งฝึกอบรมการเก็บถั่วลิสง ป้องกันไม่ให้เกิดอัลฟาทอกซินหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในบ้านเรา ให้กับประเทศคู่ค้า โดยจะจัดอบรมตั้งแต่การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ให้คำแนะนำเรื่องระบบตรวจสอบรับรอง กำกับดูแลอะไรบ้าง และจากนี้ไป ลาวจะต้องตรวจสอบถั่วลิสงทุกลอตที่ส่งเข้ามาขายในไทย รวมทั้งการตรวจวิเคราะห์อัลฟาทอกซินในระดับห้องปฏิบัติการ สาธิตฝึกปฏิบัติโดยไทยเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ
ที่มา : www.thairath.co.th
eclipping_20142312145050_1.doc: ขนาด 23 KB