นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายงานให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 โดยให้เร่งการลงทุนโครงการใหญ่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งผลักดันโครงการพีพีพี การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ให้เสร็จภายในปลายไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อที่จะไปรองรับโครงการลงทุนหลายโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว
นอกจากนี้ ได้ให้คลังเร่งสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ที่คาดว่าจะขยายตัวใน 5 ปี โดยสั่งให้กรมสรรพสามิตไปดูแลให้เอื้อต่อการลงทุนทั้งระบบและเป็นขั้นตอน เช่น รถยนต์ไฮบริดที่จะต้องทำให้เกิดการลงทุนชิ้นส่วนแบตเตอรี่ เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้าเรื่องพร้อมเพย์นั้น นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนเกือบ 2 ล้านราย โดยคาดว่าระบบจะมีความพร้อมในการใช้งานวันที่ 1 ต.ค.นี้ แต่เนื่องจากยังมีประชาชนแสดงความกังวลเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย จึงได้สั่งการให้นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มาตั้งโต๊ะลงทะเบียนสำหรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้งาน
ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะ
กรรมการขับเคลื่อนอี-เพย์เมนต์ ว่า ขณะนี้ 5 โครงการตามแผนงานขับเคลื่อนอี- เพย์เมนต์เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทะเบียนพร้อมเพย์ที่จะสามารถเริ่มดำเนินการพร้อมกันทั้งระบบได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนการรับและจ่ายเงินของส่วนราชการผ่านระบบอี-เพย์เมนต์นั้น ยืนยันว่าจะเริ่มดำเนินการพร้อมกันได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนสวัสดิการที่จะให้แก่ผู้มีรายได้น้อยนั้น ที่ผ่านมาได้มีการหารือแล้วแต่ยังไม่มีข้อสรุป
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 4 สิงหาคม 2559
eclipping_20142312122818_1.doc: ขนาด 23.5 KB