เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
ม.เอเชียอาคเนย์ชี้ไอโอทีบูมผุดโปรเจคสมาร์ทฟาร์มมิ่ง

อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือ  "ไอโอที" มาแรงขึ้นเรื่อยๆ ในยุคที่ดิจิทัลเฟื่องฟูเช่นนี้ จะเห็นผู้ให้บริการต่างๆ รวมถึงผู้พัฒนาเทคโนโลยีพัฒนา ผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการที่มุ่งเน้นรับไอโอทีกันอย่างคึกคัก ไม่เว้นแม้กระทั่งสถาบันการศึกษาที่วันนี้ มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านไอโอทีกันมากขึ้น

          ล่าสุด "มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์" เปิดตัวโครงการอุปกรณ์บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผลิตภัณฑ์การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ ที่เรียกว่า โครงการ  เอสเอยู-ไอโอที สมาร์ทฟาร์มมิ่ง  (SAU-IoT Smart Farming)  ซึ่งพัฒนาร่วมกันระหว่างคณาจารย์ และนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา ไอโอที มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์

          โครงการนี้ วัตถุประสงค์เพื่อต้องการบอกเล่าเรื่องราวภายใต้คอนเซ็ปต์ Story of goods และ Story of Life เรื่องราวของชีวิต เรื่องราวของผลิตภัณฑ์ โดยใช้อุปกรณ์ด้านการสื่อสาร ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลักๆ 3 ชนิด คือ 1.ไอโอที สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง ซึ่งเป็นแผงวงจรไฟฟ้า 2.สมาร์ทโฟนแสดงผลผ่านระบบคลาวด์ และ 3.รถหุ่นยนต์เคลื่อนที่เร็วเพื่อสำรวจสภาพสวนในแปลงผัก หรือฟาร์มสัตว์เลี้ยง

          :ไอโอทีเพิ่มมูลค่าเกษตร

          โดยประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ เอสเอยู ไอโอที สมาร์ทฟาร์มมิ่ง จะเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วไป  และเกษตรอินทรีย์ ด้วยการเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคได้รับรู้ โดยอาศัยเทคโนโลยีไอโอที เกษตรกรสามารถนำเทคโนโลยีไอโอทีมาใช้ เพื่อช่วยเพิ่ม ผลผลิตให้กับพืชผลทางการเกษตรหรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจต่าง ๆ และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ สามารถ เป็นที่ถูกใจผู้บริโภคได้

          นายณัฏฐ์ โอธนาทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์กล่าวว่า โครงการนี้ ถือเป็นผลงานของนักศึกษา  คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไอโอที  โดยไอโอที สมาร์ทฟาร์ม จะเป็นเครื่องมือ ช่วยเหลือเกษตรกรแบบเรียลไทม์ ในการตรวจจับและวัดอุณหภูมิในอากาศ

          พร้อมกับวิเคราะห์ค่าความต้องการ ให้กับพืชและสัตว์เศรษฐกิจที่เลี้ยงไว้ เช่น การให้น้ำ ให้ปุ๋ยหรืออาหาร หรือค่าการวัดแสงแดดและอุณหภูมิ ซึ่งโครงการนี้ ได้นำ มาใช้ทดลองแล้ว ที่สวนแอสพารากัส  (หน่อไม้ฝรั่ง) ที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก

          ทั้งนี้ กระบวนการทำงานของเกษตรกรจะเริ่มต้นจากการจัดส่งรถหุ่นยนต์เคลื่อนที่เร็วบังคับวิทยุ เข้าไปที่แปลงผักสาธิต ตัวของรถจะมีกล้อง และระบบการบันทึกข้อมูล เช่น การวัดความชื้นในอากาศ  การวัดค่าแสงแดดและอุณหภูมิ และ ส่งสัญญาณมายังสมาร์ทโฟน เพื่อแสดง ผลผ่านระบบคลาวด์ เพื่อแจ้งให้เกษตรกรได้วิเคราะห์ เช่น หากรู้ว่าตอนนี้ความชื้นต่ำไป ก็ต้องรดน้ำเพิ่มหรือเปิดสปริงเกอร์ ซึ่งข้อมูลตรงนี้เหมาะกับเกษตรกร

          :ใช้สมาร์ทโฟนสแกนบาร์โค้ด

          สำหรับหลักการทำงานในส่วนของ ผู้บริโภค จะใช้หลักการทำงานคล้าย ๆ กัน เมื่อผู้บริโภค เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาร ผักสวนครัวต่าง ๆ หรืออาหารปลอดสารพิษ เนื้อสัตว์ ประเภทต่าง ๆ สามารถนำสมาร์ทโฟนสแกนบาร์โค้ดของสินค้านั้นๆ เพื่อลิงค์มายังเว็บไซต์ของผลิตภัณฑ์ได้ในแบบออนไลน์ผ่านการอัพโหลดขึ้นระบบคลาวด์

          ทั้งนี้ ข้อมูลจะสามารถแสดงผล ผ่านมายังสมาร์ทโฟน ซึ่งจะแสดงรูปแบบของกราฟแสดงผลแบบออนไลน์ที่เก็บรวบรวมไว้อย่างสมบูรณ์ทำให้สามารถทราบได้ว่าผลิตภัณฑ์เกษตร อย่างเช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถุงนั้นปลูกขึ้นที่ไหน มีแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์อย่างไร ได้รับน้ำ บรรยากาศ อุณหภูมิ แสง ความชื้น ตั้งแต่เริ่มปลูก จนกระทั่งเก็บเกี่ยว บรรจุ ขนส่ง จนถึงมือผู้บริโภค อันเป็นการเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์นั้น ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

          นายณัฏฐ์ กล่าวต่อว่า หัวใจของ สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง โดยหัวใจหลักของมัน  คือ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือไอโอที  ซึ่งสามารถส่งภาพขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต เป็นศูนย์กลางผ่านอินเทอร์เน็ตได้ และในอนาคตทุกอย่างจะต่อกับอินเทอร์เน็ตได้หมด จะมีเซ็นเซอร์เต็มไปหมดเลย และข้อมูลจะมีมหาศาล ตรงนี้ก็จะเกิดความรู้  ดังนั้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ตรงนั้นจะเอามาใช้ อย่างไร

          "โดยเฉพาะในภาครัฐน่าจะเป็นประโยชน์ ตรงที่เราสามารถรู้ได้ว่าแต่ละพื้นที่เกษตรเป็นยังไง ปลูกอะไร ควรจะจัดการกับพื้นที่การเกษตรอย่างไรในแต่ละจังหวัด อย่างเช่นช่วงนี้แล้ง เราควรจะทำอย่างไร จะปลูกพืชหรือผลไม้ชนิดใด ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเราเก็บโดยอัตโนมัติ และสามารถเฝ้าติดตามได้ตลอดเวลา"

          :ได้ประโยชน์จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ

          นายนรินทร์ แซ่อ้น นักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (IOT) ปี 1 มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์กล่าวว่า  โครงการ เอสเอยู-ไอโอที สมาร์ท  ฟาร์มมิ่ง จะได้ประโยชน์อย่างครบวงจร จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ทั้งในด้านของ ผู้บริโภค ในเรื่องของ

          1.ได้ทราบแหล่งผลิต (place of origin) 2.สามารถสั่งให้ระบบ รดน้ำ  ใส่ปุ๋ยและแร่ธาตุต่างๆ ได้อัตโนมัติ 3.ทราบกระบวนการและสิ่งที่พืชและสัตว์ได้รับระหว่างกระบวนการ

          และ 4.สามารถตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างมั่นใจขึ้น ส่วนประโยชน์สำหรับเกษตรกร จะสามารถเพิ่มผลผลิต ปรับปรุงกระบวนการปลูก หรือ ผลิต  จากข้อมูลที่เก็บได้ สามารถสั่งให้ระบบ รดน้ำ ปุ๋ยและแร่ธาตุ ได้โดยอัตโนมัติ  และ ยังสามารถเฝ้าติดตามพืช สัตว์ ได้จากทุกที่ และประโยชน์สำหรับผู้จำหน่าย จะทำให้เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

 

          บรรยายใต้ภาพ

          รถหุ่นยนต์เคลื่อนที่เร็วเพื่อสำรวจสภาพสวนในแปลงผัก หรือฟาร์มสัตว์เลี้ยง

          ใช้สมาร์ทโฟนสแกนบาร์โค้ด ทำให้ทราบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์เกษตร

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 23 มิถุนายน 2559 หน้า 30



เอกสารที่เกี่ยวข้อง