หนังสือเล่มนี้ ตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 เมื่อปี 2555 จากครั้งแรก เมื่อปี 2552 อาจารย์ผู้เขียนทั้งสองท่านมีความรู้ขั้นเทพ ถ่ายทอดแบบเชื่อมั่นว่า ผู้อ่านต้องเข้าใจอย่างง่ายดาย เพราะใช้ภาษาที่ไม่ใช่วิชาการ  สรุปได้ดังนี้

               1. เน้นเรื่องการวางแผนที่มีลักษณะการกำหนดเป้าหมายในอนาคต เพื่อให้ผู้ที่วางแผนสามารถขับเคลื่อนไปตามทิศทางและวัตถุประสงค์ โดยเชื่อมโยงกับกลยุทธ์และวิธีการที่ต้องมีวิสัยทัศน์ และค่านิยมในตัวบางอย่าง เพื่อให้การวางแผนขององค์กรประสบความสำเร็จ
               2. การวางแผนการตลาด ต้องมีความยืดหยุ่น โดยใช้ข้อมูลที่มีผลต่อการประกอบธุรกิจ อาทิ เช่น
               •  ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและการเมือง แนวโน้มของสังคม กฎหมายข้อบังคับต่างๆ  ที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีที่ใช้ในธุรกิจ
               •  สามารถวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและอุปสรรคแวดล้อม ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ที่เรียกว่า การวิเคราะห์ SWOT หลังจากนั้น จึงกำหนดเป็นตัวเลขชัดเจน
               •  การใช้เครื่องมือในการควบคุมที่เปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ปฏิบัติได้จริง โดยปกติอาจใช้วิธีวิเคราะห์เป้ายอดขาย อันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมการขาย หรือการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร
               3. การมีวิสัยทัศน์ จะช่วยให้ผู้ประกอบการทราบว่าต้องทำอะไร (What) ทำไปทำไม (Why) ทำอย่างไร (How) และทำเมื่อใด (When)
               •  วิสัยทัศน์  ต้องได้รับการถ่ายทอดให้เป็นที่รับรู้ของทุกคนในองค์กร และควรได้รับการย้ำเตือนเป็นประจำ เพื่อเป็นการบอกทิศทางขององค์กรให้พนักงานเดินไปสู่ทางนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
               4. การมองเห็นอนาคตขององค์กร ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ จินตนาการ ความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่น และทัศนคติ
               5. องค์กรทุกองค์กร ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ก็จำเป็นต้องสร้างแบรนด์ด้วยกันทั้งสิ้น เนื่องจาก    แบรนด์ มิใช่หมายถึงเพียงชื่อสัญลักษณ์ แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่สั่งสมขึ้นและแสดงลักษณะเฉพาะของแบรนด์สินค้านั้นๆ
               •  การตั้งชื่อแบรนด์ มีปัจจัยที่ควรคำนึงอยู่ 5 ประการ คือ 
                              1. ชื่อแบรนด์ ควรสื่อว่าสินค้ามีคุณสมบัติอะไร
                              2. ต้องอ่านออกเสียงได้ง่าย
                              3. ไม่มีความหมายเชิงลบ
                              4. ต้องจดจำได้ง่าย
                              5. ควรเลือกความหมายที่ดี
               6. สินค้าทุกชนิดมีการบริการ จึงไม่ควรมองข้ามซึ่งต้องมีสิ่งที่ควรระมัดระวัง คือ 
                              1. ไม่ควรเก็บตุนสินค้า
                              2. ต้องพยายามสร้างบริการที่จับต้องได้
                              3. ควรให้มีการบริการที่หลากหลาย
                              4. การบริการที่ต้องเอาใจลูกค้าและให้ลูกค้าย้อนกลับมาใช้บริการซ้ำ
               7. การลดราคา ควรเป็นแนวทางสุดท้ายที่ธุรกิจจะนำมาใช้ หมายความว่า ผู้ประกอบการมักหลงไปกับยอดขายที่สูงขึ้นจากการลดราคาสินค้าลง ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามองว่าสินค้าคุณภาพต่ำจึงลดราคา
               8. ปัจจัยของความสำเร็จ มี 3 ประการ คือ
                              1. คุณภาพ
                              2. ความสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน
                              3. ความสามารถในการแข่งขัน
               9. ความสำคัญของการเตรียมพร้อมทางการตลาด มีดังนี้
                              1. ความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างมีสติ
                              2. ความรู้ในเรื่องสภาพของการตลาด
                              3. ความรู้หรือความชำนาญในตัวสินค้าหรือบริการ
                              4. ความรู้เรื่องช่องทางหรือสถานที่ในการนำสินค้าหรือบริการสู่ลูกค้า
               10. การสร้างความอยู่รอดอย่างยั่งยืนขององค์กรนั้น นักการตลาดต้องพยายามคิดวางแผนระยะยาว โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีต่างๆทางการตลาดอย่างเหมาะสม

               หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนทั้งสองท่าน มีความเชื่อมั่นว่า การตลาดที่ดีและมีคุณธรรม จะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำพาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้รอดพ้นได้ ต้องมีความมุ่งมั่น ใส่ใจ และความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ

               น้องๆหอสมุด ธ.ก.ส. ยินดีบริการ หาอ่านได้ ในบรรยากาศที่นั่งสบาย เลือกได้หลายมุมค่ะ