เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » สรุปหนังสือ » รายละเอียด

พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้าน #2 : Cashflow Quadrant

   
ผู้แต่ง : ROBERT T. KIYOSAKI 
ผู้เรียบเรียง : ROBERT T. KIYOSAKI 
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ด
จำนวนหน้า : 370
ราคา : 225 บาท
ผู้สรุป : http://www.rvbookthai.com/richdadpoordad/  
   
   
บทสรุป :

                เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมคนบางคนถึงรวยขึ้นและมีเวลามากขึ้นในการที่จะทำสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ ตัวเองรัก หรือมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่บางคนอาจมีฐานะดีขึ้นแต่ต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เครียด และไม่มีความสุข แย่ยิ่งกว่านั้น คนบางคนทำงานหนักชั่วชีวิตและจบลงด้วยหนี้สินรุงรัง หนังสือเล่มนี้จะมาชี้ให้เห็นว่าทำไมบางคนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น และจะหลุดจากสภาพนั้นได้อย่างไร

                คำว่า เงินสี่ด้าน ในหนังสือเล่มนี้หมายถึงที่มาของรายได้ของคนสี่ประเภทอัน  ได้แก่
                E (Employee)-ลูกจ้าง
                S (Self-employed)- ธุรกิจส่วนตัว
                B (Business Owner)-เจ้าของกิจการ
                I (Investor)-นักลงทุน

                และถ้าเราเขียนกากบาทลงเพื่อแบ่งคนทั้งสี่ออกก็จะแบ่งคนทั้งสี่ออกเป็นดังนี้คือ “คนด้านซ้าย” ได้แก่ พวก E กับ S และ “คนด้านขวา” ได้แก่พวก I กับ B

                หนังสือเล่มนี้จะบอกว่า ค่านิยม นิสัย และความคิด ของคนด้านซ้าย ทำไมจึงแตกต่างจากคนด้านขวา
ดังตัวอย่าง Rich Dad Poor Dad (พ่อจนและพ่อรวย) คือพ่อทั้งสองคนของผู้แต่ง พ่อจนคือพ่อแท้ๆของผู้แต่ง มีการศึกษาดี จบปริญญาเอก ประสบความสำเร็จในการเรียนแต่ล้มเหลวในชีวิตการเงิน ส่วนอีกคนคือพ่อรวย(พ่อของเพื่อนสนิท)ซึ่งเรียนจบไม่สูง ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตการเรียนแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตการเงิน กลายเป็นคนร่ำรวย

                Robert นับถือคนๆนี้เป็นพ่ออีกคน เพราะพ่อรวยจบแค่มัธยม 2 แต่รวยที่สุดในฮาวาย(ในตอนนั้น) แน่นอนว่าพ่อทั้งสองคนนี้ต้องมีความคิดทางการเงินที่ไม่เหมือนกัน
                พ่อจน : “เรียนให้มากๆ จะได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง” – พ่อรวย : “เรียนให้มากๆจะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง”
                พ่อจน : “เราไม่มีทางซื้อของสิ่งนี้ได้อย่างแน่นอน” – พ่อรวย : “เราจะทำอย่างไรให้ซื้อของสิ่งนี้”
                พ่อจน : “บ้านเป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด” – พ่อรวย : “บ้านเป็นหนี้สิน และถ้าใครคิดว่าบ้านเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุด เขาลำบากแน่ๆ”


                นี่คือตัวอย่างความคิดของพ่อทั้งสองคน ซึ่งแน่นอนว่าตลอดทั้งเล่มคุณจะได้เจอกับความคิดที่แตกต่างระหว่างคนรวยและคนไม่รวยอีกมากมาย และท้ายสุดจะบอกวิธีการที่จะสอนให้เราก้าวข้ามจากการเป็นคนด้านซ้ายไปสู่คนด้านขวา และสำหรับคนที่อยู่ด้านขวาอยู่แล้วคุณจะรู้ว่า คนด้านขวา ก็มีอีกหลายระดับ วิธีคิดของคนด้านซ้ายต่างจากคนด้านขวาอย่างไร นิทานเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้จะอธิบายเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

                ตัวอย่างรูปธรรมที่ให้คติและสนุกควบคู่กันไปคือ เรื่องในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านจะขาดน้ำหากฝนไม่ตก กรรมการหมู่บ้านจึงประกาศหาคนรับจ้างขนส่งน้ำมาให้คนในหมู่บ้านใช้ ชายหนุ่มสองคนเสนอตัวรับทำงานนี้ กรรมการตกลงทำสัญญากับชายทั้งสอง โดยหวังว่าเขาสองคนจะได้แข่งขันกันทำงานและรักษาราคา

                เอ็ด..ชายคนแรกรีบวิ่งไปซี้อกระป๋องตักน้ำมา 2 ใบ แล้วเริ่มตักน้ำจากลำธารมาใส่ถังคอนกรีตให้คนในหมู่บ้านไว้ใช้ในทันที ทุกๆ เช้าเขาจะรีบตื่นก่อนคนอื่นๆ เพื่อดูแลให้มีน้ำในถังเพียงพอสำหรับคนในหมู่บ้าน

                บิล..อีกคนที่ได้รับงานนี้ หายตัวไปเป็นเดือน ปล่อยให้เอ็ดดีใจในช่วงแรก เขาไปเตรียมเขียนแผนธุรกิจ จัดตั้งบริษัทหาผู้ร่วมทุน จ้างผู้จัดการ และกลับมาพร้อมทีมงานก่อสร้างในหกเดือนต่อมา และใช้เวลาหนึ่งปี สร้างท่อน้ำสเต็นเลสขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างลำธารเข้าหมู่บ้านในงานวันเปิดท่อขนส่งน้ำ บิลประกาศว่าน้ำของเขาสะอาดกว่าน้ำของเอ็ด และสามารถทำให้ทุกคนมีน้ำใช้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและทุกวัน

                สุดท้ายบิลประกาศว่าเขาจะเก็บค่าน้ำถูกกว่าเอ็ดร้อยละ 75 โดยที่ทุกคนจะได้น้ำคุณภาพดีกว่า สิ้นเสียงบิลทุกคนปรี่กันเข้าไปที่ก็อกน้ำจากท่อที่บิลสร้าง  มากกว่านั้น บิลปรับปรุงแผนธุรกิจเพื่อนำน้ำมากด้วยคุณภาพ ปริมาณ สะอาด แต่ราคาย่อมเยาว์ไปเสนอให้แก่หมู่บ้านอื่น เขาคิดเงินแค่ถังละเพนนีเดียว น้ำไหลจากลำธารสู่แต่ละครัวเรือนทุกวี่ทุกวัน โดยที่บิลไม่ต้องไปทำงานเลย แต่เงินก็ไหลเข้าบัญชีของเขาอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่เอ็ดต้องทำงานหนักต่อมาตลอดชีวิตพร้อมปัญหาการเงินที่อยู่คู่กับเขาจนวาระสุดท้าย


                แล้วคุณเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า “กำลังสร้างท่อ หรือลากถัง”?

                หนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านมากที่สุดในรอบปีที่ผมได้เคยอ่านมา หลายคนได้อ่านเรื่องนี้แล้วบอกว่าเขารู้สึกตื่นขึ้น และเข้าใจว่าตัวเองนั้นไม่ต่างกับ “หนูถีบจักร” อยู่ และกำลังพยายามนำตัวออกมาจากสภาพนั้น

 

   
สารบัญ

ดาวน์โหลดเอกสาร