เกาตลาด
ผู้เรียบเรียง : ดำรง วงษ์โชติปิ่นทอง | ||
สำนักพิมพ์ : เรสเตอร์ บุ๊ค | ||
จำนวนหน้า : 222 หน้า | ||
ราคา : 280 บาท | ||
ผู้สรุป : พูนสุข มนัสวิวัฒน์ | ||
บทสรุป :
หนังสือเล่มนี้ เหมาะสำหรับนักการตลาดรุ่นใหม่ ที่ต้องการทำการตลาดโดยโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ผู้เขียนมีผลงานการเขียนเรื่องปรัชญาในการดำรงชีวิต ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่ติดอันดับหนังสือขายดีหลายเล่ม ได้แก่ “เกาสมอง” “เกามนุษย์” “เกาเวลา” และเกาโลก ดำรง วงษ์โชติปิ่นทอง มีลีลาการเขียนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในหนังสือเล่มนี้มีภาพผลไม้ประกอบเนื้อหา ทำให้น่าอ่านค่ะ สรุปได้ดังนี้ * สิ่งเร้า ทำหน้าที่กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ให้เกิดขึ้น หรือให้เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งการทำตลาดแบบนี้ สรุปว่า “โดน” หรือ “ไม่โดน” ใจลูกค้า * การแบ่งรุ่นของผู้บริโภคโดยนักประชากรศาสตร์ ชาวอเมริกัน มีดังนี้ (1) BABY BOOMER กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี คศ. 1943 - 1964 หรือ พ.ศ. 2406 - 2507 (2) GENERATION X กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี คศ. 1965 - 1981 หรือ พ.ศ. 2508 – 2524 (3) GENERATION Y กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี คศ. 1982 – 2000 หรือ พ.ศ. 2525 – 2543 กลุ่มคนที่เกิดช่วงนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นลูกของกลุ่มที่ (1) (4) GENERATION Z กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี คศ. 2001 – ปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นลูกของกลุ่มGENERATION X * การตลาดที่แท้จริง คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้า * เป้าหมายของนักการตลาด คือ การหาความต้องการของลูกค้าให้พบ แล้วตอบสนอง ความต้องการนั้นให้ได้ * สินค้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สินค้าที่จับต้องได้ กับ สินค้าที่จับต้องไม่ได้ (1) สินค้าที่จับต้องได้ คือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ (PRODUCT) (2) สินค้าที่จับต้องไม่ได้ คือ บริการ (SERVICE) * วิธีการตลาดที่ดี มี 5 ขั้นตอน คือ (1) จะต้องสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน (MARKET SEGMENTATION) (2) สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ (TRAGET MARKET) (3) วางตำแหน่งสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย (MARKET POSITIONING) (4) วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน ของสินค้า (SWOT ANALYSIS) (5) ทำการตลาดโดยใช้ 4P (PRODUCT, PRICE, PLACE, PROMOTION) * การตลาดแบบ MASS MARKETING (มวลชน) คือ การผลิตสินค้าหรือบริการที่เหมาะสม มีการกระจายสินค้าหรือบริการให้ได้กว้างที่สุดและทำส่งเสริมการตลาด โดยรูปแบบและทิศทางเดียวกันตลอด * การตลาดแบบ NICHE MARKET (กลุ่มย่อย) คือ การผลิตสินค้าหรือบริการเฉพาะกลุ่ม มีการกระจายสินค้าหรือบริการได้แคบ และทำการส่งเสริมการตลาดโดยเจาะกลุ่ม * บริษัทที่มีสินค้าหลายชนิด ควรจะเน้นไปที่สินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งที่ชำนาญที่สุดก่อน แล้วเมื่อยอดขายสินค้าและตลาดที่เลือกครั้งแรกไปได้ดี ก็จะเลือกเข้าตลาดใหม่เพิ่มเติม * นักการตลาดที่ดี จะต้องมีความสามารถในการแบ่งกลุ่มตลาดให้ชัดเจน ก่อนที่จะเลือก กลุ่มเป้าหมาย แล้วจึงวางตำแหน่งสินค้าให้ถูกต้องกับกลุ่มเป้าหมายหลังจากนั้นจึงมาวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค แล้วจึงวางแผนกลยุทธ์โดยใช้ 4P * การขยายธุรกิจ มีวิธีการแตกต่างกัน ดังนี้ วิธีการที่ 1 สินค้าเดิม ตลาดเดิม กลยุทธ์เจาะตลาด วิธีการที่ 2 สินค้าเดิม ตลาดใหม่ กลยุทธ์พัฒนาตลาด วิธีการที่ 3 สินค้าใหม่ ตลาดเดิม กลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ วิธีการที่ 4 สินค้าใหม่ ตลาดใหม่ กลยุทธ์กระจายธุรกิจ * นักการตลาด จะต้องทำตัวเป็นเหมือนสับปะรด คือ มีหู มีตารอบตัว * นักการตลาดที่ดี จะต้องปฏิบัติดังนี้ (1) ฉลาด มีไหวพริบ (2) คิดไปเรื่อยๆ และลงมือปฏิบัติด้วย (3) ลองสินค้าที่ออกใหม่ (4) อ่านมาก...รู้มาก (5) ปรับสิ่งหนึ่งให้เข้ากับสิ่งหนึ่ง (6) ปรับความคิด ปรับตัว ปรับวิธีการ (7) เป็นคนไม่ธรรมดา (8) รู้ตัวเองมาก...รู้คู่แข่งมากกว่า * ข้อดีของการรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ คือ จะได้ไม่ต้องหาลูกค้าใหม่ เพราะการหาลูกค้า จะต้องมีการลงทุนเพิ่มถึง 5 เท่าของการรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ * การวิจัยการตลาดที่ใช้กันมากที่สุด 2 วิธี คือ (1) การวิจัยโดยใช้ปริมาณของกลุ่มตัวอย่างให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ต้องการรู้ข้อมูล ของลูกค้าส่วนใหญ่ว่าคิดอย่างไร (2) การวิจัยโดยใช้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงลงไป เน้นที่รายละเอียดของข้อมูลและความเห็นที่ลึกลงไป ผู้เขียนมีเทคนิคในการนำภาพพริกสีลักษณะกลมผลใหญ่ๆ ที่ชาวต่างประเทศชอบรับประทานมาเปรียบเทียบกับของกลุ่มของผู้บริโภคตามหลักประชากรศาสตร์ เช่น อายุ 15 – 18 ปี ใช้พริกสีแดง อายุ 18 – 22 ปี ใช้พริกสีส้ม อายุ 25 - 30 ปี ใช้พริกสีเขียว อายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้พริกสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีภาพเด็กเล็กชาย – หญิง มาประกอบบทความทำให้ผ่อนคลายสายตาที่จับจ้องตัวอักษรหลากสีอีกด้วย หาอ่านได้ที่ห้องสมุด ชั้น 8 ค่ะ ในโอกาสใกล้สงกรานต์ปีนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการทำบุญ การรดน้ำขอพรจากญาติผู้ใหญ่ค่ะ |
||