A Sense of urgency สร้างจิตสำนึกผู้นำ ขั้นตอนสำคัญ ที่นำไปเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ผู้เรียบเรียง : JOHN P. KOTTER | ||
สำนักพิมพ์ : เอ็กซเปอร์เน็ท, 2552 | ||
จำนวนหน้า : 220 หน้า | ||
ราคา : 250 บาท | ||
ผู้สรุป : สุจินต์ ชุ่มใจหาญ | ||
บทสรุป :
แม้องค์กรจะมีทรัพยากรพร้อม หากปราศจากซึ่งการจัดการที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงในองค์กรเพื่อพร้อมรับวิกฤต องค์กรก็อาจพบปัญหารุนแรงได้ ดังนั้นผู้บริหารต้องสร้างความรู้สึกตื่นตัวให้คนในองค์กรได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และแท้จริง ก็จะช่วยให้แนวคิดที่ซับซ้อนเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และมากพอที่จะก้าวกระโดดไปสู่ความสำเร็จไม่ยาก อาการลนลานรีบทำตามคำสั่งให้เจ้านาย จะก่อให้เกิดกิจกรรมมากมายตามมาแต่ไร้ประโยชน์และสูญเสียหรือสิ้นเปลือง เพราะการเร่งด่วนเช่นนั้นเกิดจากความรู้สึกเพื่อสนองความพึงพอใจของเจ้านายและเพื่อปลดปล่อยความกังวลใจของตนเท่านั้น ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกหรือตระหนักถึงความจำเป็น เร่งด่วนจริงๆ ที่จะมุ่งมั่นลงมือทำ กระบวนการสร้างความตระหนัก 8 ขั้นตอน ในการสร้างจิตสำนึกผู้นำ 1.สื่อให้คนในองค์กรตระหนัก ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ซึ่งคนจะหาโอกาสและค้นหาภัยคุกคามองค์กรที่สำคัญตั้งแต่ตอนนี้ 2.คนในองค์กรสามารถระบุหาประเด็นได้อย่างรวดเร็ว และตั้งทีมงานที่แข็งแกร่ง มีความมุ่งมั่นมากพอที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง 3.ทีมงาน สามารถริเริ่มวิสัยทัศน์และกลยุทธ์อันฉลาดในการรับมือกับปัญหาสำคัญได้ 4.ทีมงาน ต้องสื่อวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ให้เกิดการยอมรับและสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงในองค์กรให้มากกว่าเดิม 5.มีการมอบอำนาจให้กับคนที่มีความมุ่งมั่นจะทำให้วิสัยทัศน์กลายเป็นความจริง 6.ทีมงานจะช่วยชี้นำบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจให้สามารถสร้างความสำเร็จระยะสั้นที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อหยุดเสียงวิจารณ์และสามารถโต้กลับคนที่มีความคลางแคลงใจได้ 7.หลังจากได้รับความสำเร็จขั้นต้นแล้ว ทีมงานต้องไม่ยอมให้องค์กรพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ขณะนั้น แต่ต้องขยายขอบเขตการเปลี่ยนแปลงออกไปโดยหาทางจัดการความท้าทายในแต่ละขั้น และไม่วางมือจนกว่าวิสัยทัศน์จะเป็นความจริง 8.ต้องหาวิธีทำให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างระบบและวัฒนธรรมขององค์กร กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อสร้างความตระหนัก นอกจากจะนำเสนอข้อมูลที่ทำให้เห็นความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนแล้วยังต้องเอาชนะ ความคิดของคนให้คล้อยตาม ซึ่งการสื่อสารเป้าหมายที่ 4 วิธีการสร้างความตระหนักของผู้นำ 1. ทำให้คนในองค์กรได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก 2. แสดงพฤติกรรมตื่นตัวที่บ่งบอกความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงเป็นประจำทุกวัน 3. ค้นหาโอกาสท่ามกลางวิกฤต บางครั้งอาจจำเป็นต้องสร้างวิกฤตขึ้นมาเอง 4. รับมือกับคนที่ปฏิเสธและคัดค้านทุกเรื่อง การรักษาความตระหนักให้คงไว้ตลอดเวลา เพราะการตระหนักที่เพิ่มขึ้นหมายถึงความสำเร็จ ขณะความตระหนักที่ลดลง หมายถึงความล้มเหลว ดังนั้น การผลักดันการตื่นตัวตลอดเวลาเพื่อทำสิ่งต่างๆด้วยความรวดเร็ว หยุดกิจกรรมที่ใช้เวลานาน ผู้นำต้องสร้างความตระหนักนี้ให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร ซึมซับเข้าไปในคนให้ได้ แล้ววัฒนธรรมนี้จะก่อประโยชน์อย่างมหาศาลกับคนจำนวนมาก อนาคตเริ่มต้นจากวันนี้ การนำแนวคิดมากมายจากหนังสือนี้ไปประยุกต์ใช้ ผู้เขียนให้คำแนะนำว่า อย่าพยายามทำทุกอย่างเพราะอาจทำให้รู้สึกรับไม่ไหวจะกลายเป็นตัวหยุดนิ่งมากกว่าตัวกระตุ้น วิธีที่ดีกว่านั้นก็ คือให้ระบุความคิด 3-4 อย่างที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่ายและเริ่มดำเนินการตามนั้นทันที หรืออีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆก็ให้พิจารณาจากประเด็นสำคัญที่สุดก่อนเพราะสิ่งนั้นเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ผู้เขียนได้เสนอให้ผู้อ่าน พิจารณาตัวเองว่ายืนอยู่ตรงจุดใดในปัจจุบัน และเป็นจุดที่ควรยืนอยู่ต่อไปหรือไม่ หากจะคำนึงถึงประโยชน์ของคนรุ่นต่อไป |
||