องค์กรนี้ (ต้อง) มีพี่เลี้ยง
ผู้เรียบเรียง : อุไรวรรณ อยู่ชา | ||
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ||
จำนวนหน้า : 288 หน้า | ||
ราคา : 200 บาท | ||
ผู้สรุป : พูนสุข มนัสวิวัฒน์ | ||
บทสรุป :
ผู้เขียนเป็นพนักงานใหม่ของเครือซีเมนต์ไทยเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีพี่เลี้ยงที่คอยดูแล ตั้งแต่วันแรกในชีวิตการเป็นพนักงาน จึงประทับใจในการนำเสนองาน เกิดความศรัทธาเชื่อถือในความสามารถของพี่เลี้ยง ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งไปทำงานกับบริษัทใหม่ สังกัดเครือซีเมนต์ไทย 3 ปีผ่านไป ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องใหม่ เธอดีใจและยินดีที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ ปัจจุบันได้ลาออกจากบริษัทในเครือ มารับบทบาทใหม่เป็นผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาบุคลากร Thaiskillplus และเป็นวิทยากรบรรยายให้แก่องค์กรต่าง ๆ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาพนักงานด้วย หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่อ่านเข้าใจง่าย ผู้เขียนถ่ายทอดความรู้อย่างไม่ปิดบัง โดยได้กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องมีพี่เลี้ยง ขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ในการนำระบบพี่เลี้ยงเข้ามาใช้ แถมท้ายด้วยภาคผนวกซึ่งรวบรวมตัวอย่างแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนได้นำ “คู่มือพี่เลี้ยงพนักงานใหม่เครือซีเมนต์ไทย “ มาเผยแพร่อีกด้วย สรุปสาระสำคัญของการมีพี่เลี้ยง และมุมมองของพี่เลี้ยงมีดังนี้ v องค์กรและธุรกิจ ต่างมีจุดเริ่มต้นและเติบโตยั่งยืนอยู่ได้ด้วยพลังของคนทำงานจากหลายอาชีพลำพังความรู้ความสามารถที่แต่ละคนมีติดตัวมาไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสร้างระบบพี่เลี้ยง v ผู้ที่เหมาะสมจะทำหน้าที่พี่เลี้ยง ควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์กับเรื่องราวในองค์กร มามากพอสมควร ที่สำคัญ คือ การมีทัศนคติกับองค์กร คิดเชิงบวก มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบมีสังคม v พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนมีใจในการให้ มีใจรักและชอบสอน เต็มใจถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ v พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่รุ่นน้องให้ความเชื่อถือศรัทธา v มีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ จะทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้ทั้งเรื่องของระบบต่าง ๆ และเรื่องของคนในองค์กร ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้น v พี่เลี้ยงจะเป็นผู้ถ่ายทอดวิธีการและเทคนิคต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานจริงจากประสบการณ์ตรงของพี่เลี้ยงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากตำราใด ๆ v พี่เลี้ยงเป็นคนสำคัญในการปั้นรุ่นน้องควรเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมที่ดี มีความกระตือรือร้นและใส่ใจในการพัฒนา v พี่เลี้ยงเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติการปรับตัว การวางตัว เป็นผู้มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับองค์กร นโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับ วินัยและกิจกรรมของบริษัท และมีความรู้หลักการเป็นพี่เลี้ยงที่ดี v พี่เลี้ยงที่แสนดีเป็นบุคคลที่สำคัญที่คอยส่งเสริมและสนับสนุนให้รุ่นน้องได้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่ v พี่เลี้ยงต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งมีทั้งความแม่นยำในหลักการ และเชี่ยวชาญในการปฏิบัติจริง แถมมีกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา และละเอียดรอบคอบ ความจำเป็นของการมีพี่เลี้ยง สรุปได้ดังนี้ v หัวหน้าส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่ลูกน้องเกรงใจไม่ค่อยกล้าเข้าไปขอคำปรึกษา โดยเฉพาะพนักงานที่เข้าใหม่ v สาเหตุของการลาออกของหลายองค์กร พบว่าหัวหน้าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พนักงานลาออก v ไม่ควรให้หัวหน้าทำหน้าที่พี่เลี้ยง เพราะจากประสบการณ์ของหลายองค์กร พบว่าหัวหน้าที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยง 95% ไม่ประสบความสำเร็จ v ระบบพี่เลี้ยงช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการลาออกของพนักงานใหม่ที่เกิดจากการปรับตัวเข้ากับองค์กรไม่ได้ การขาดความอบอุ่น การขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์กร v ระบบพี่เลี้ยงที่ล้มเหลว ส่วนใหญ่เกิดจากผู้บริหารระดับสูงไม่เห็นความสำคัญ ไม่ส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจัง v ผู้ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยง จะมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเองในการให้คำปรึกษา แนะนำดูแลพนักงานใหม่และเรียนรู้สิ่งใหม่ ที่สำคัญคือ ความภาคภูมิใจกับคุณค่าของตนเอง v องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการสื่อสารระบบพี่เลี้ยงจะเริ่มจากการสื่อสารให้คณะผู้บริหารได้รับทราบและเห็นความสำคัญของระบบพี่เลี้ยงก่อน v ก่อนที่จะนำระบบพี่เลี้ยงมาใช้ในองค์กรจะต้องตรวจสุขภาพขององค์กร โดยการจัดทำแบบสำรวจสุขภาพขึ้นมา มีหัวข้อที่ครอบคลุมกับการบริหารองค์กร เช่น นโยบายการดูแลพนักงาน ระบบงานต่าง ๆ ความท้าทายงาน การได้รับการยอมรับและมีคุณค่าในองค์กร เป็นต้น v Webster ได้ให้ความหมายของคำว่า “พี่เลี้ยง” ไว้ว่า เป็นผู้มีความใกล้ชิด ไว้วางใจได้ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ สามารถเป็นที่ปรึกษาและแนะนำให้แก่ผู้อื่นได้ อ่านจบแล้ว เก็บมาคิดว่า ธ.ก.ส. องค์กรที่รักของเราควรมีพี่เลี้ยงได้แล้ว ย้อนคำนึงถึงวันแรกที่ทำงานเป็นเลขานุการของท่านอาจารย์จำเนียร สาระนาค ผู้จัดการ ธ.ก.ส. คนแรก แล้วก็นับว่าโชคดีเพราะมีพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่ธุรการ คอยสอนงานให้ จึงทำงานได้อย่างราบรื่นค่ะ |
||