สู้ชีวิต ตอน เคราะห์สร้างโอกาส
ผู้เรียบเรียง : ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ | ||
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์เดือนตุลา | ||
จำนวนหน้า : 227 หน้า | ||
ราคา : 150 บาท | ||
ผู้สรุป : พูนสุข มนัสวิวัฒน์ ผู้เกษียณอายุ | ||
บทสรุป :
ผู้เขียนเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ เพื่อจัดให้มีการบริการป้องกันความพิการ เพื่อบริการผู้ด้อยโอกาสให้ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐและเอกชน และเพื่อส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปมีเจตคติ ต่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาส ในวัยเด็กผู้เขียนชอบค้นคว้าและทดลองวิทยาศาสตร์จึงเกิดอุบัติเหตุเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2510 ทำให้ตาบอดสนิททั้งสองข้าง ท่านเสียใจและท้อใจ ในที่สุดได้พบกับสตรีตาบอดชาวอเมริกันผู้ก่อตั้งโรงเรียน สอนคนตาบอดกรุงเทพฯ ทำให้เกิดกำลังใจที่จะต่อสู้จนประสบความสำเร็จด้านการศึกษา จากที่เกิดอุบัติเหตุขณะศึกษาอยู่ ม.ศ.3 จนถึงกับเป็นนิติศาสตร์มหาบัณฑิต สาขากฎหมายแพ่ง จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยสอบได้ที่ 1 และได้รับรางวัลภูมิพล หลังจากนั้นได้ทุนไปเรียนปริญญาโท สาขากฎหมายภาษีอากร จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา (ปีการศึกษา 2525) ประสบการณ์การทำงานที่ดังๆ คือ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549-2551 และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี รวม 2 สมัย พ.ศ. 2544-2549 ด้านครอบครัว มีบุตรสาวคนโต บุตรชาย 2 คน รวม 3 คน ปัจจุบันรับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอื่นๆ อีก 21 ตำแหน่ง เช่น เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับคนพิการ รวมถึงเป็นกรรมการด้านคนพิการ และประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ บุคคลที่ทำให้ ศ.วิริยะ เกิดความเชื่อมั่นและต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ คือ Miss Jenivieve Caulfield (เจนนีวี) สตรีตาบอดชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอด กรุงเทพฯ และแม่อธิการซิสเตอร์โรสมัวร์ นับเป็นผู้ที่ให้แสงสว่างจากความมืด ให้คำแนะนำและคำสอนที่มีคุณค่า ขณะเรียนปีที่ 1 สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แข่งขันโต้เวทีเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 ปี
คำแนะนำแก่คนพิการและคนที่ท้อแท้ มีดังนี้ 1. นึกถึงคนที่ย่ำแย่กว่าเราเสมอ 2. ฝึกตั้งคำถามที่สร้างสรรค์ 3. ให้หาอะไรทำตลอดเวลา อย่าปล่อยให้มีเวลาว่าง 4. ความเชื่อ กรอบความคิด กำหนดเส้นทางชีวิตของคนพิการ ที่เชื่อว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ ให้คิดว่าตนเองทำได้ 5. ความหวังมีอยู่เสมอ ต้องนำวิธีคิดมาใช้ในการสร้างและพัฒนาความหวังให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ 6. ใช้สิ่งที่มีอยู่ทุกอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด 7. ใช้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มีประโยชน์สูงสุดแม้มีเคราะห์ก็ยังสร้างโอกาส 8. เงินและอำนาจเป็นเจ้านายที่เลวที่สุด แต่เป็นผู้รับใช้ที่ดีที่สุดเช่นกัน เราจึงควรฝึกฝนกินอยู่แบบง่ายๆ ให้อดทนรู้จักจัดการกับสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 9. ต้องรู้จักให้ ต้องช่วยเหลือกัน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
สำหรับกลวิธีในการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ศ.วิริยะ แนะนำดังนี้ 1. ต้องฝึกฝนจัดกลุ่มของกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยเริ่มต้นจากกิจกรรมที่สำคัญและเร่งด่วน 2. ต้องฝึกฝนการวางแผนว่าอะไรต้องทำก่อนและหลัง 3. ต้องฝึกฝนใช้เวลาในการทำกิจกรรมที่ซ้ำ และส่งเสริมกันได้โดยไม่ทำลายกัน
ศ.วิริยะ นอกจากตาบอดสนิทแล้ว ยังมีปัญหา คือ นิ้วชี้ขาดทั้งนิ้ว นิ้วกลางเหลือเพียงแค่เศษหนึ่ง ส่วนสามของนิ้ว จึงทำให้พิมพ์ดีดไม่ถนัด จึงทำศัลยกรรมโดยนายแพทย์โรงพยาบาลทหารจัสแมกซ์ จนไม่มีอุปสรรคอีกต่อไป และมีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษจากชาวต่างประเทศจนสามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง
อาจารย์วิรัช ศรีตุลานนท์ ได้นำอักษรเบรลล์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่เตรียมไว้แล้วให้ ศ.วิริยะ ฝึกคลำ พบว่าใช้เวลาหลายวันจึงสามารถอ่านได้ สำหรับภาษาอังกฤษที่มีตัวย่อก็เพื่อให้คนตาบอดสามารถเขียน อ่านอักษรเบรลล์ได้เร็ว เพราะตัวย่อใช้จำนวนช่องน้อยกว่าตัวเต็มอยู่มาก อักษรเบรลล์ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษบางคำเขียนเหมือนกัน เช่น คำว่า ลอนดอน LONDON เท่ากับ L และ ล. ลิง, O และ อ.อ่าง, N และ น.หนู, D และ ด. เด็ก เป็นต้น
ศ.วิริยะ ผู้เขียนได้เสนอหนทางสู่ความสุข ความสำเร็จ ของคนพิการหรือคนที่หมดหวังในชีวิต ดังนี้ 1. นึกถึงคนที่ย่ำแย่กว่าเราเสมอ 2. ฝึกตั้งคำถามที่สร้างสรรค์ 3. อย่าปล่อยให้มีเวลาว่าง 4. ความเชื่อ และกรอบความคิด กำหนดเส้นทางชีวิตของคน 5. นำวิธีคิดของอริยสัจ 4 มาใช้ 6. อ่านหนังสือดีๆ ที่ให้พลังและปัญญา 7. ใช้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด 8. เงินและอำนาจเป็นเจ้านายที่เลวที่สุด แต่เป็นผู้รับใช้ที่ดีที่สุด 9. ต้องรู้จักให้ทุกคน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จากประโยคสั้นๆ ของผู้เขียนซึ่งอัดแน่นไปด้วยข้อคิดชีวิต รวมถึงคำคมผ่านเทคนิคการเล่าอย่างเข้าใจง่าย และปฏิบัติได้จริง หาอ่านรายละเอียดได้ที่ห้องสมุด ชั้น 8 ค่ะ |
||