หนังสือ “คิดอย่างฉัน” ซึ่ง ธกส. ได้จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 41 ปีของ ธกส.
เป็นหนังสือที่ชาว ธกส.ทุกท่านควรอ่านอย่างยิ่ง ใจความย่อ ดังนี้

     อาจารย์จำเนียร สาระนาค เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2542 เป็นบุตรคนที่ 4 ของรองอำมาตย์โทขุนภักดีภูมิวิภาค(นิ่ม สาระนาค) และนางเจริญ สาระนาค มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน อาจารย์จำเนียรไม่ได้แต่งงาน ครองชีวิตโสดตลอดอายุขัย 
จบการศึกษาปริญญาตรี หลักสูตร 5 ปี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นชาวสวนบางกอกใหญ่  แถววัดราชสิทธาราม จังหวัดธนบุรี กำพร้าบิดามาแต่เด็ก จึงมีความผูกพันกับแม่มาก หารายได้จุนเจือครอบครัว ทำงานราชการในตำแหน่งรองอธิบดี
กรมสหกรณ์ธนกิจและกรมสหกรณ์พาณิชย์และธนกิจได้ลาออกจากราชการขณะอายุได้ 56 ปีเศษ เพื่อมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ธกส. เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2509 ได้ช่วยในการเริ่มก่อตั้ง ธกส. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2509 และทำงานจนเกษียณอายุในปี 2513 ท่านเป็นบุคคลสำคัญในการผลักดันให้เกิดธนาคารแห่งนี้   อีกทั้งเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในงานเป็นอย่างดี มีความจัดเจนงานสินเชื่อการเกษตรเป็นอย่างดี เป็นผู้มีสุขภาพดีมีความซื่อสัตย์ มีความอุตสาหะ วิริยะ อุทิศเวลาให้กับงานเป็นอย่างดียิ่ง มีความรอบรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คณะกรรมการธนาคารฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่ออายุการทำงานที่ ธกส. ต่อไปอีก จนกระทั่งอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ในต้นปี พ.ศ. 2518 และพ้นจากตำแหน่งผู้จัดการในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2518 แล้วก็ยังช่วยทำงานต่อ โดยเขียนคู่มือวิธีปฏิบัติงาน ธกส. ด้านการจัดการคลังสินค้าเกษตร จนถึงวันที่ 18 มิถุนายน2518 จึงได้อยู่กับบ้าน ได้ป่วยสาเหตุจากการลื่นล้มที่ชานบ้านและเป็นอัมพาตเมื่อกลางปี 2520 เดินไม่ได้แขนขวาใช้งานไม่ได้ ต่อมารักษาจนสามารถลุกนั่งและเดินได้ แต่มีโรคแทรกซ้อนท้องเสีย ถึงแก่กรรมด้วยอาการอันสงบ เมื่อเย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2524 อายุรวมได้ 71 ปี 7 เดือน

     อาจารย์เป็นคนที่มีอุปนิสัยขยันหมั่นเพียร ใฝ่รู้และมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความวิริยะ อุตสาหะอย่างยิ่งยวด ตื่นนอนตี 4
ออกจากบ้านเวลา 5.30 น. มาทำงานเวลา 6.30 น. พักรับประทานอาหารเที่ยงในที่ทำงานประมาณ 20 นาที และเดินย่อยอาหาร 10 นาที อาจารย์จะเรียกพนักงานที่ออกไปรับประทานอาหารข้างนอกและกลับเข้าสำนักงานหลังบ่ายโมงว่า “พวกไส้ยาว” คือกินไม่รู้จักอิ่ม ทำให้เสียเวลาในการทำงานเป็นอย่างมาก และจากเลิกงานประมาณ 18.30 น. หากมีงานเร่งด่วนจะอยู่จนมืดค่ำหรือนอนค้างคืนที่ทำงานเลยก็มี ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีของพนักงานและธกส.ได้บันทึกและยกย่องท่านเป็นปูชนียบุคคลเป็นครูของพนักงาน ธกส. เป็น “บิดาแห่งสินเชื่อเกษตรไทย” บุคคลที่เป็นครูต้องประกอบด้วยหลักธรรม 3 ประการ ได้แก่ พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา และสังคหวัตถุ 4 คือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา คำสอน ของท่านที่น่าสนใจ เช่น

     “งานสินเชื่อเป็นงานที่กว้างขวางและซับซ้อน จงทำงานหนัก เร่งรัดฉับไว ถูกต้อง และแม่นยำ  กอปรด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” “ ถ้าเหนื่อยจงหยุดสักพัก และให้ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง” “ให้ฟังมากๆ อะไรที่รู้แต่ยังไม่แน่ใจอย่าพูด” “ก่อนจะทำอะไร ต้องคิดให้เป็นระบบและเป็นกระบวนการโดยตลอด ศึกษา วิเคราะห์ผลดี ผลเสีย ผลกระทบภายในภายนอก และหนทางแก้ไขในสิ่งที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด” “พนักงานผู้กระทำผิด รับสารภาพผิดเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่เป็นเหตุอันควรลดโทษ”

อาจารย์ให้แนวคิดกับผู้บริหารที่มีคุณค่าไว้ดังนี้

1. ผู้บริหารต้องเป็นผู้ที่สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา ถือเป็นสมบัติสาธารณะมีความพร้อมเสนอในการให้บริการและมีความสมบูรณ์ในตัว

2. การทำงานต้องมุ่งเอาชนะงาน มิใช่ชนะคน ให้ความสนใจงาน และร่วมกันเอาชนะงาน

3. การบริหารต้องครองใจคน มิใช่ควบคุมคน คนเมื่อพอใจ เขาก็พร้อมที่จะทำงานอย่างทุ่มเท

และสร้างสรรค์งาน โดยไม่ต้องมีการควบคุม

4. นักบริหารต้องคิดและสร้างงาน ไม่คิดแต่จะใช้วิธีเก่าๆ

5. การบริหารไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องศึกษาหาความรู้ ฝึกทักษะไว้หลายๆ แนวคิด

บัญญัตข้อห้าม 9 ประการ เป็นข้อเตือนใจพนักงาน ธกส. ที่จะนำไปใช้ในการดำเนินงาน

1. ห้ามทุจริต ต้องอยู่ในวินัย

2. ห้ามมีเมียมากว่าคนเดียว ห้ามเที่ยวกลางคืน ห้ามเล่นการพนัน

3. ห้ามกู้ยืมเงินจากลูกค้า เพื่อป้องกันการเบียดเบียนลูกค้าเกษตรกร

4. ห้ามอาศัยตำแหน่งหน้าที่เป็นตั้วโผทอดผ้าป่า แต่ให้ทำในนามส่วนตัว

5. ห้ามเรี่ยไรเงินลูกค้าซื้อของใช้ประจำที่ทำการ

6. ห้ามหาผลประโยชน์จากบรรดาลูกค้าหรือทำมาหากินร่วมกับลูกค้า

7. ห้ามรับอามิสสินจ้าง เช่น บริษัทค้าขายปุ๋ย

8. ต้องซื่อสัตย์ต่องาน ไม่หลบงาน ไม่เบิกเบี้ยเลี้ยงโดยไม่ทำงาน

9. ห้ามหลับในที่ทำงาน ต้องทำงานฉับไว แม่นยำ ประณีต สุภาพ