รู้ทันความเสี่ยง
ผู้เรียบเรียง : David Apagar วัธวุธ มาฆะศิรานนท์ และ ณัฐยา สันตระการผล | ||
สำนักพิมพ์ : เอ็กซเปอร์เน็ท | ||
จำนวนหน้า : 335 หน้า | ||
ราคา : 310 บาท | ||
ผู้สรุป : สุจินต์ ชุ่มใจหาญ ฝรธ. | ||
บทสรุป :
หนังสือเล่มนี้ท้าทายความคิดของผู้บริหารส่วนใหญ่ที่คิดว่า การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วมันเป็นแกนสำคัญในการวางกลยุทธ์อย่างแท้จริง ความเสี่ยงมี 2 ประเภท คือ ความเสี่ยงที่ที่ล่วงรู้ได้ และความเสี่ยงที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้ Apgar อธิบายว่า ทำอย่างจึงระบุได้ว่าความเสี่ยงทั้งสองคืออะไร และประโยชน์ที่จะได้คืออะไร คำตอบสุดท้ายคือการวิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งหมายถึง การเพิ่ม ระดับความฉลาดรู้ในความเสี่ยง นั่นเอง การเรียนรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับ 2 องค์ประกอบ คือ การสร้างทางเลือกที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหา ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงหรือการหาคำตอบว่าอะไรเป็นสิ่งผลักดันให้เกิดความเสี่ยงนั้น ส่วนที่สองคือ การจะบอกได้ว่าทางแก้ปัญหาใดเหมาะสมหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์ Apgar เสนอกฎ 4 ข้อ ของความฉลาดรู้ในความเสี่ยงงที่จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีจัดการและปฏิเสธความเชื่อเดิมๆ กฎข้อที่ 1 “รู้ว่าความเสี่ยงใดเป็นความเสี่ยงที่เรียนรู้ได้” เพื่อลบความเชื่อที่ว่า “ความเสี่ยงทุกประเภทเกิดขึ้นแบบสุ่มหรือไร้แบบแผน” การเรียนรู้จากข้อมูล จากประสบการณ์ และจากทักษะของผู้บริหาร จะสามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ดีกว่าและแม่นยำกว่าคนอื่นโดยใช้ต้นทุนต่ำด้วย สำหรับความเสี่ยงที่ไร้แบบแผนก็ต้องคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดจากปัจจัยความเสี่ยง ทำความเข้าใจและคำนวณความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้นเอง เพราะความเสี่ยงประการหลังนี้อยู่ นอกเหนือการควบคุมของเรา มันมีเหตุจากภายนอกแล้วมากระทบกับตัวเรา และคงมีอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี มันอาจเป็นความเสี่ยงที่เรียนรู้ได้ในโอกาสต่อไป กฎข้อที่ 2 “ระบุความเสี่ยงที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ให้เร็วที่สุด” เพื่อลบความเชื่อที่ว่า “เมื่อมีความเสี่ยงเป็นเรื่องมีได้มีเสีย จึงทำให้เกิดผู้ชนะหรือผู้แพ้แบบถาวรได้ยาก” โดยการวัดความสามารถในการประเมินความเสี่ยงที่เรียนรู้ได้ และเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันเป็นคะแนนออกมาแล้วนำมาคัดกรอง วิเคราะห์ระดับความฉลาดรู้ในความเสี่ยง และจัดประเภทการเป็นผู้ประเมินความเสี่ยง เพราะบางครั้งการมีข้อมูลมากแต่ไม่ได้ช่วยชี้แนะอย่างชัดเจน หรือเรียนรู้หลายย่างแล้วมันลืมไปหรือไม่ กฎข้อที่ 3 “เรื่องลำดับโครงการที่มีความเสี่ยงสูงเอาไว้ในท่อลำเลียงการเรียนรู้เพื่อลบความเชื่อที่ว่า ความเสี่ยงพัฒนาไปอย่างไม่มีแบบแผน” เป็นการตรวจสอบกลยุทธ์ความเสี่ยงโดยไม่ลืมว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่ต้อง เผชิญอยู่ตลอดเวลา คุณต้องประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ มิฉะนั้นไม่สามารถรอเวลาที่จะจัดการกับความเสี่ยงใหม่ของโครงการใหม่ได้จน กระทั่งคู่แข่งเข้ามาเป็นผู้นำแทน จึงจำเป็นต้องสร้างท่อลำเลียง เป็นการสร้างความเชี่ยวชาญในการจัดการรับความเสี่ยงใหม่ทีละอย่างได้ การเข้าซื้อกิจการก็เป็นการแก้ปัญหาการกระจายความเสี่ยงอย่างหนึ่งแน่นอนที่ สุดสำหรับการประเมินทางเลือกคงไม่ซื้อกิจการที่มีความเสี่ยงมากแล้ว ทำให้บริษัทของคุณมีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก ผู้ที่มีบทบาทในการตรวจสอบกลยุทธ์ความเสี่ยง เช่น หัวหน้าทีมตลาด ผู้บริหารกระบวนการภายใน ทีมเทคโนโลยีสารสนเทศ ทีมกฎหมาย ทีมควบคุมคุณภาพ ฝ่ายบริหารเงิน นักบัญชี และผู้วางแผนขององค์กร กฎข้อที่ 4 “สร้างและรักษาเครือข่ายของหุ้นส่วนธุรกิจเพื่อบริหารความเสี่ยงทั้งหมด” เพื่อลบความเชื่อที่ว่า “หุ้นส่วนธุรกิจจะได้ผลลัพธ์แบบเดิม ไม่ว่าพวกเราจะกระจายความเสี่ยงไปอย่างไร” เรื่องความเสี่ยงที่ไร้แบบแผน ไม่มีใครสามารถประเมินได้ดีกว่าใคร ผู้ที่สร้างความแตกต่างได้ยั่งยืนที่สุดในการสร้างความเร็วในการเรียนรู้ความเสี่ยง ก็คือหุ้นส่วนธุรกิจนั่นเอง ดังนั้นการเข้าร่วมเครือข่ายจึงต้องขึ้นอยู่กับลักษณะและระดับความเสี่ยงสำคัญ 2 ประการ คือ คุณสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีแค่ไหน และขอบเขตในการับความเสี่ยง แต่มีสิ่งพึงระวังของแนวคิดการสร้างเครือข่าย เพราะผลกระทบคือความต้องการที่หลากหลาย ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สำคัญได้ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นตัวยับยั้งการพัฒนาได้เช่นกัน การมีความฉลาดรู้ในความเสี่ยง จะสามารถแสวงหาประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่มากมาย ด้วยการทำหน้าที่เป็นตัวกลางในตลาดใหม่ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการกำหนดกลยุทธ์การบริหารองค์กรทุกประเภท รวมทั้งการคลองคนของคนเราให้ประสบความสำเร็จด้วยการเรียนรู้ที่จะบริหารและ จัดการความเสี่ยงที่เราไม่สามารถล่วงรู้ได้อย่างเป็นระบบ |
||