นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2557/58 ที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นี้ ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นได้ในระดับ 1.05 แสนล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 1.08 แสนล้านบาท ส่วนเป้าสินเชื่อในปีบัญชีใหม่ หรือ 2558/59 ที่จะเริ่มในเดือนเม.ย.นี้ ธนาคารตั้งเป้าไว้ที่ 7.67 หมื่นล้านบาท

          โดยเป้าสินเชื่อใหม่ในปีนี้ ต่ำกว่าปีก่อนหน้าเกือบ 3 หมื่นล้าน เนื่องจาก ธ.ก.ส. ไม่ต้องการเพิ่มสินเชื่อให้สูงเกินไป เพราะปัจจุบัน ภาระหนี้คงค้างต่อคนของเกษตรกรอยู่ในระดับสูง หากยังไปเพิ่มภาระหนี้ให้กับเกษตรกรอีกจะค่อนข้างอันตราย แผนการดำเนินงานในปีนี้จึงไม่ได้เน้นปล่อยสินเชื่อ ใหม่มากนัก แต่สนับสนุนให้เกษตรกร หันไปปรับปรุงคุณภาพการผลิต และลดต้นทุนการผลิตแทน

          ในปีบัญชีก่อนหน้านี้ การที่รัฐบาลตั้งราคารับซื้อผลผลิตผ่านโครงการรับจำนำในระดับราคาค่อนข้างสูง ทำให้มีการเร่งผลิต โดยขยายพื้นที่เพาะปลูก โดยไม่ได้เน้นด้านคุณภาพของผลผลิต ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตข้าวของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่นเวียดนาม มีต้นทุนการผลิตข้าว ไม่เกิน 3 พันบาทต่อไร่ ขณะที่ไทยสูงถึง 4-5 พันบาทต่อไร่

          เขากล่าวต่อว่า การกำหนดเป้าหมาย สินเชื่อในปีบัญชีใหม่ จึงเป็นการกลับไปสู่ พื้นฐานที่สำคัญคือ การกลับไปสู่การบริหารจัดการด้านคุณภาพ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และเป็นการเตรียมตัว เพื่อรองรับการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และรองรับการเปิดประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี

          สำหรับวงเงินสินเชื่อเป้าหมาย ในปีบัญชีใหม่ดังกล่าว วงเงิน 7.67 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อเพื่อการปลูกข้าวประมาณ 35-40% ส่วนที่เหลือ เป็นสินเชื่อในพืชหลักต่างๆ ของประเทศ เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ยาง และการเลี้ยงวัว เป็นต้น

          ส่วนผลการดำเนินงานในด้านอื่นๆ ในปีบัญชี 2557/58 คาดว่า จะมีกำไร 9 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ แม้ในปีที่ผ่านมา จะมีปัญหาภายในประเทศ เพราะหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้มีนโยบายที่ชัดเจน มีการขยายสินเชื่อมากขึ้น โดยคาดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปีบัญชีจะอยู่ที่ 8.5 แสนล้านบาท

          สำหรับด้านเงินฝาก คาดว่า จะมีเงินฝากเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก ผู้ฝากเงินรายใหญ่ที่มีการโยกเงินออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ฝากรายใหญ่ที่เป็นผู้ฝากระยะสั้น ไม่ถือว่าเป็นฐานเงินฝากของ ธ.ก.ส. แต่เงินฝากที่เพิ่มขึ้น 4 หมื่นล้านบาท เป็นเงินฝาก รายย่อยที่มีความมั่นคง โดยคาด ณ สิ้นปีบัญชีนี้ จะมีเงินฝากรวมอยู่ที่ 1.19 ล้านล้านบาท

          ขณะที่ปีบัญชี 2557/58 ยอดเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.152 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้าถึง 1.52 แสนล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายไว้เพียง 8.2 หมื่นล้านบาท เป็นเพราะในช่วงปีดังกล่าว ธนาคารจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยง จำเป็นต้องมีสภาพคล่องที่สูง เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเงินทุนแก่เกษตรกร

          ดังนั้นในช่วงดังกล่าว ธนาคารอาจจำเป็นต้องแข่งขันด้านดอกเบี้ย เพื่อดึงดูดเงินฝาก แต่ในปีที่แล้ว ธนาคารไม่จำเป็นต้องมีสภาพคล่องมาก ซึ่งการมีสภาพคล่องสูง จะเป็น ต้นทุนของธนาคาร

ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 20 ก.พ. 2558