พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๕ แห่งบรมราชจักรีวงศ์
เสด็จพระราช
สมภพเมื่อวันอังคารที่ ๒๐
กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี
พระองค์ทรงครองราชย์เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๔๑๑ ขณะทรงมีพระชนมพรรษาเพียง ๑๕ พรรษา
โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๑๖ พระชนมพรรษาครบ
๒๐ พรรษา
ทรงบรรลุนิติภาวะจึงมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ ๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชจริยาวัตรอันงดงาม
มีพระปรีชาสามารถ
อันยวดยิ่ง ทรงปกครองและดูแลทุกข์สุขของราษฎรเสมือน
พ่อ
ดูแลลูก
พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายและ
พระสติปัญญาในการฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ
กอปรกับพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วยความรักชาติบ้านเมืองและราษฎร
ทำให้ไม่ทรงท้อถอยในการแก้ไขปัญหาของชาติ
และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล จึงทรงสร้างสรรค์คุณูปการแก่
บ้านเมืองอย่างอเนกอนันต์
นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่สยามจนเป็นที่ประจักษ์ชัดหมู่ชาวไทยและต่างชาติ
นับว่าเป็น
การวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชทรงประชวรด้วยพระโรคพระวักกะพิการ
เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๔๕๓ เวลา ๒ ยาม
๔๕ นาที ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
ทรงมีพระชนมพรรษา ๕๘ พรรษา
ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นเวลา ๔๒
ปี
แม้บัดนี้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านมาครบ ๑๐๐ ปี
แห่งการเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระราชกรณียกิจ
และพระมหากรุณาธิคุณตามกรอบพระราชปณิธานในพระองค์ พระผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของสยามประเทศ
ยังคงประทับ
อยู่ในใจของชาวไทยทั้งแผ่นดิน
พระบารมียังคงปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์มากระทั่งตราบเท่าทุกวันนี้
ชาวไทยทุกผู้จึงเทิดทูน และรักพระองค์ยิ่ง สมดังพระราชสมัญญา
สมเด็จพระปิยมหาราช
พระผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง
|