อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการปกครอง โดยให้นายอำเภอสำรวจข้อมูลหนี้สินเกษตรกรแล้วพบว่า มีเกษตรกรนำที่ดินไปค้ำประกันกับนายทุนเงินกู้ เป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งจะต้องให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน เนื่องจากได้มีคำพิพากษาให้บังคับคดีแล้ว 2,292 ราย มูลหนี้ 2,184,105,350 บาท

          ทั้งนี้ แบ่งเป็น 1.มีหมายบังคับคดีแต่ยังไม่ตั้งเรื่องบังคับคดี 1,546 ราย มูลหนี้ 1,968,479,382 บาท 2.อยู่ในขั้นตอนยึด 127 ราย มูลหนี้ 49,769,726 บาท 3.อยู่ในขั้นตอนการขายทอดตลาด 177 ราย มูลหนี้ 68,711,245 บาท 4. อื่นๆ 442 ราย มูลหนี้ 1,184,105,350 บาท โดยกรมการปกครองได้ประสานงานกับกรมบังคับคดี ดำเนินการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกยึดที่ดินทำกิน ส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. เพื่อโอนหนี้ดังกล่าวเข้าสู่สถาบันการเงิน

          นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรที่นำที่ดินไปจำนองหรือขายฝาก แต่ยังไม่อยู่ในชั้นบังคับคดี 46,747 ราย มูลหนี้ 6,388,947,102 บาท กรมการปกครองได้มอบหมายให้นายอำเภอ แต่งตั้งคณะทำงานคัดกรองข้อมูล และไกล่เกลี่ย มีผลดำเนินการไกล่เกลี่ยแล้ว จำนวน 8,059 ราย มูลหนี้ 1,312,479,420 บาท สามารถปลดเปลื้องหนี้สินแล้ว 497 ราย มูลหนี้ 94,555,527 บาท โดยวงเงินกู้ไม่เกิน 150,000 บาท ได้ส่งให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการ 329 ราย มูลหนี้ 51,532,180 บาท และส่งให้คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนส่วนอำเภอ (อชก.อำเภอ) 149 ราย มูลหนี้ 32,416,367 บาท

          รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจะเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกรตามนโยบายรัฐบาลอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยไม่ให้สูญเสียที่ดินทำกินไปอย่างไม่เป็นธรรม โดยจะให้ความช่วยเหลือทั้งด้านกฎหมาย การให้คำแนะนำ การไกล่เกลี่ย และการปลดเปลื้องหนี้สินตามระเบียบ กฎหมาย และอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ 11 กันยายน 2558