เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

จับตา 3 ปัจจัยส่ง หนุนลงทุน "อีอีซี" ท้ายปี

ข่าววันที่ : 17 ธ.ค. 2562


Share

tmp_20191712091317_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 17 ธ.ค. 2562

         ในช่วง 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ย.62) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี 360 โครงการ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน 37% แต่มีมูลค่าการลงทุน 167,930 ล้านบาท ลดลง 23% ขณะที่เป้าหมายการลงทุนในอีอีซีอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท จึงจำเป็นต้องมีปัจจัยหนุน  ประเมินว่า 3 ปัจจัยแรงส่งที่จะเข้ามาสนับสนุนการลงทุนในเขตอีอีซี ช่วงปลายปีนี้ ได้แก่

         มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และมาตรการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คาดว่าจะได้รับการต่ออายุรับสิทธิประโยชน์ถึงสิ้นปี 2563 โดยจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติม 3 ปี ถ้าเป็นกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve), ตั้งอยู่ในพื้นที่อีอีซี, มีเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท, มีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หรือสถาบันวิจัย และจะได้รับการลดหย่อนภาษีฯ เพิ่มเติม 5 ปี ถ้าเป็นกิจการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตส่งเสริมกิจการพิเศษ เช่น เขตนวัตกรรมอีอีซี (EECi) เขตนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เป็นต้น

         แพ็คเกจเร่งรัดการลงทุนและรองรับการย้ายฐานการผลิต หรือไทยแลนด์ พลัส แพ็คเกจ ซึ่งปรับแบบมาจากมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นการลงทุนในปีแห่งการลงทุน ประกอบด้วย

         1. การให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563

         2. การดำเนินงานของหน่วยงานในลักษณะ One Stop Service

         3. การสนับสนุนการฝึกอบรมแรงงาน

         4. การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ

         5. การจัดหาพื้นที่ลงทุนที่เหมาะสม

         6. การฟื้นการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู และการเข้าร่วมกลุ่มซีพีทีพีพี

         7. การกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านระบบอัตโนมัติ

         ผังเมืองรวมอีอีซี ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ 6 พ.ย.62 ส่งผลให้ร่างผังเมืองอีอีซีจะถูกใช้เป็นกรอบรองรับการพัฒนาในพื้นที่ 20 ปี (พ.ศ.2560-2580) โดยจะมีการแบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดิน ออกเป็นโซน และใช้สีเป็นสัญลักษณ์กำหนดประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้แก่ สีแดง เป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรม เป็นย่านธุรกิจการค้าบริการ เช่น พัทยา ชลบุรี ศรีราชา อู่ตะเภา ระยอง, สีส้ม แทนชุมชนเมือง เป็นพื้นที่อยู่อาศัยหลักและแหล่งงาน, สีเหลือง รองรับการพัฒนาเมือง และสีน้ำตาล เป็นเขตอุตสาหกรรมและ นวัตกรรม เป็นต้น

         ในช่วงที่ผ่านมา ภาคเอกชนอาจรอความชัดเจนจากอีอีซีในด้านต่างๆ แต่ในขณะนี้ร่างผังเมืองอีอีซีก็มีความพร้อมแล้วซึ่งจะช่วยเสริม ความแข็งแกร่งให้กับพื้นที่ ทำให้มีความชัดเจนเรื่องการใช้ประโยชน์ ที่ดิน อีกทั้งเป็นเครื่องยืนยันการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่เป็น หัวใจหลักของอีอีซี

         ขณะที่มาตรการไทยแลนด์ พลัส แพ็คเกจ จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจ นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตให้เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเป็นห่วงโซ่อุปทานของไทยในตลาดโลก ตลอดจนมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีที่ให้สิทธิประโยชน์ ต่างๆ ก็จะเป็นมาตรการดึงดูดการลงทุนโดยตรงและส่งสัญญาณ ให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งคงต้อง ติดตามว่า 3 ปัจจัยแรงส่งนี้ จะช่วยหนุนการลงทุนภาคเอกชนในเขตอีอีซี ให้ไปถึงเป้าหมายได้มากน้อยแค่ไหน

 

ที่มา  :  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 17 ธันวาคม 2562