เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

ธ.ก.ส.จัด 5 หมื่นล.หนุนชุมชนคิดดอกเบี้ยต่ำแค่ 0.01% ต่อปี

ข่าววันที่ : 16 ธ.ค. 2562


Share

tmp_20191612155235_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 16 ธ.ค. 2562

          ธ.ก.ส. ร่วมเป็นหนึ่งฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก บูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ เดินหน้าสร้างธุรกิจชุมชน โชว์ 2 โมเดลความสำเร็จตอบโจทย์แก้ไขปัญหาความยากจนและระบบเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็ง ตั้งเป้าธุรกิจชุมชนยั่งยืนจาก 928 เป็น 9,000 ชุมชนในปี 2565 พร้อมสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย 5 หมื่นล้านบาท คิดดอกเบี้ยเพียง 0.01% ต่อปี


          นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยในงาน “เศรษฐกิจฐานรากประชารัฐพลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย” ว่า ธ.ก.ส. ได้ทำโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดยสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจฐานรากที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ประกอบด้วย กิจกรรมการผลิต กิจกรรมขายผลผลิต กิจกรรมการซื้อและบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้ทรัพยากรของชุมชน มีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเกื้อกูลและเป็นธรรม โดยมีแนวทางในการขับเคลื่อนที่เริ่มจากการค้นหาและศึกษาความต้องการของชุมชน ทั้งโอกาส ศักยภาพ ปัญหา แนวทางพัฒนาและแก้ไข เหมือนการระเบิดจากภายใน จากนั้นจึงเริ่มพัฒนา สร้างความเข้มแข็ง โดยยึดหลักตลาดนำการผลิตและมีการกำหนดแผนธุรกิจที่ชัดเจน ผสานความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในด้านความรู้ เทคโนโลยีนวัตกรรม งานวิจัย และงบประมาณ อีกทั้ง ธ.ก.ส. ยังช่วยสนับสนุนสินเชื่อให้กับ Smart Farmer ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ คือ ความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก มีภูมิคุ้มกัน มีรายได้ สวัสดิการสังคม และโอกาสทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น


          ทั้งนี้ ธ.ก.ส.พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาชนบทสู่ความยั่งยืนให้กับเกษตรกรลูกค้าจำนวน 6.17 ล้านครัวเรือน สมาชิกกลุ่มเกษตรกร 396,165 กลุ่ม ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร 442,887 ราย หัวขบวนในการขับเคลื่อน ธุรกิจ SME เกษตร 10,235 ราย ชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง 7,927 ชุมชน ศูนย์เรียนรู้ 315 แห่ง ชุมชนท่องเที่ยว 57 ชุมชน และพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนนำร่อง 77 แห่ง โดยมุ่งเน้นพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม (กลุ่มการผลิต กลุ่มบริการและกลุ่มรวบรวม) ด้านท่องเที่ยว (กลุ่มที่พักโฮมสเตย์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มนำเที่ยวและขนส่ง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน) และด้านอุตสาหกรรม (กลุ่มแปรรูปและกลุ่ม Logistics) โดยตั้งเป้าขยายผลได้ 928 ชุมชน ภายในสิ้นปี 2562 เป็น 9,000 ชุมชนภายในปี 2565


          นอกจากนี้ นายอภิรมย์ได้นำเสนอโมเดลการพัฒนาธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพ 2 โมเดล ได้แก่ ชุมชนหนองเม็ก ตำบลคึมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีพื้นที่ทำการเกษตร 28,346 ไร่ ศักยภาพของชุมชนแห่งนี้ คือ มีกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มีภูตะวันออร์แกนิคฟาร์มทำหน้าที่เป็นหัวขบวน ชุมชนหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ต้นแบบชุมชนอุดมสุข ที่พัฒนารูปแบบความรู้ร่วมกับสถาบันการศึกษา ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพัฒนาอ้อยอินทรีย์ การใช้ประโยชน์จากใบอ้อยสู่อุตสาหกรรมพลังงาน การใช้เทคโนโลยีโดรน พร้อมขยายช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกร ผ่านระบบ A-Farmart พัฒนาสถาบันการเงินประชาชน พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว


          ทั้งนี้ ธ.ก.ส.พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนด้วยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยการอำนวยสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2562-30 พฤศจิกายน 2565 สนับสนุนองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้แก่คนในชุมชน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยกระดับห่วงโซ่มูลค่าการผลิต อุตสาหกรรม และบริการต่างๆ หนุนสร้าง Smart Farmer ผู้ประกอบการ SMEs วิสาหกิจชุมชน และพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งผู้ประกอบการหรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาใกล้บ้าน

 

ที่มา : นสพ.ดอกเบี้ยธุรกิจ ฉบับวันที่ 16 - 22 ธ.ค. 2562